อีลอน มัสก์ เป็นคนก่อตั้งเทสลา, สเปซเอ็กซ์ แล้วก็อีกหลายบริษัท ที่ทำให้เจ้าตัวเป็นเศรษฐีมีเงินถุงเงินถังอยู่ในเวลานี้
คนไทยหลายคนคงจำแกได้ จากกรณีที่หอบหิ้วเรือดำน้ำข้ามโลกมามอบให้ช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดถ้ำ ซึ่งไม่ได้ใช้งานใช้การอะไร จนกระทั่งถึงบัดนี้
ที่ต้องพูดถึงอีลอน มัสก์ หนนี้เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ พี่แกทำตัวเป็นเศรษฐีใจดี อีกครั้ง จัดซื้อเครื่องช่วยหายใจพันกว่าเครื่อง หอบหิ้วจากจีนไปถึงแคลิฟอร์เนีย แจกจ่ายไปให้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง
แล้วก็ถูกทั้งโจมตี ทั้งล้อเลียน ขนานใหญ่บนสังคมออนไลน์ที่นั่น เหตุเป็นเพราะว่า เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ได้
ขนาดที่สื่อใหญ่ๆ หลายแห่ง หยิบยกเรื่องนี้ออกมาเล่นเป็นข่าวดังกันครึกโครม
หนังสือพิมพ์ระดับโลกในอังกฤษอย่าง ไฟแนนเชียล ไทมส์ บอกว่า เครื่องช่วยหายใจที่ มัสก์ ซื้อไปแจกนั้น ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้ก็จริง แต่ใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการหนักไม่ได้ เพราะผู้ป่วยที่ปอดอักเสบรุนแรงนั้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจที่แรงดันสูงมากๆ แล้วสอดท่อเข้าไปในร่างกายเพื่อนำส่งออกซิเจนให้ถึงปอดจริงๆ เนื่องจากผู้ป่วยหนักทำนองนี้ หายใจเองแทบไม่ได้แล้ว
เครื่องช่วยหายใจแบบที่มัสก์จัดซื้อไปแจกนั้น เป็นเครื่องชนิดที่ทางการแพทย์เรียกว่า “ไบเลเวล โพซิทีฟ แอร์เวล เพรสเชอร์” (Bilevel Positive Airway Pressure – BiPAP)
วิธีใช้ก็คือใช้อุปกรณ์ครอบจมูกแบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในภาพยนตร์ ที่หมอมักคว้ามาครอบปากครอบจมูกใครๆ นั่นแหละครับ
ส่วนเครื่องช่วยหายใจที่ใช้กันอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) นั้นเป็นอีกแบบ ต้องสอดท่อเข้าไปในหลอดลม เพื่อให้ออกซิเจนเข้าถึงปอดได้ แทนที่การหายใจของผู้ป่วย
ลอสแองเจลิส ไทมส์ บอกว่า หมอหลายคนไม่อยากเรียกเครื่องไบเลเวลนี้ว่าเครื่องช่วยหายใจด้วยซ้ำไป
คนอย่าง อีลอน มัสก์ จะไม่รู้ความแตกต่างที่ว่านี้เชียวหรือ? หรือ อีลอน มัสก์ มีเจตนาอย่างอื่น ที่หลายคนไม่เข้าใจ
หรือเป็นเพราะ ใครๆ ก็อยากถล่มพี่แกอยู่แล้ว?
มัสก์ ชี้แจงเรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ยืนยันว่า แจกเครื่องเดียวกันนี้แหละทุกโรงพยาบาล แต่ไม่ได้ให้นำไปใช้กับผู้ป่วยที่อาการวิกฤต เพียงให้นำไปใช้กับผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเหล่านั้นอาการทรุดหนัก ต้องแย่งใช้เครื่องช่วยหายใจกับผู้ป่วยอาการวิกฤต
มัสก์บอกว่า ถ้าอาการทรุดหนักถึงขั้นวิกฤตเมื่อไหร่โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก ซึ่งก็น่าจะถูกต้อง
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ควบคู่ไปกับการบริจาคของมัสก์ ทางการรัฐนิวยอร์กก็สั่งซื้อเครื่องไบเลเวลนี้มา 3,000 เครื่อง หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐนิวยอร์ก อนุญาตให้นำมาปรับเปลี่ยนเพื่อ “ใช้แทน” เครื่องช่วยหายใจแบบสอดลงไปในหลอดลม ซึ่้งขาดแคลนหนักมากจริงๆ
รายงานของ เฟียร์ซ ไบโอเทค ระบุเอาไว้ว่า องค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐอเมริกา เคยอนุมัติให้ใช้เครื่องช่วยหายใจภายนอกแทนเครื่องช่วยหายใจได้ “ในกรณีฉุกเฉิน” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง
ดังนั้น การที่มัสก์อ้างว่า เครื่องแบบนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้จากเอฟดีเอแล้วก็ถูกต้องครับ
เดวิด รีช ซีอีโอของโรงพยาบาลเมาท์ ไซนาย ในนิวยอร์ก แสดงความขอบคุณต่อเทสลา ที่ส่งเครื่องมาให้ แล้วบอกว่า เครื่องเหล่านี้ “ถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต” ไปแล้วทั้งหมด
นั่นหมายถึงว่า ในยามขาดแคลนจนวิกฤตเช่นนี้ เจ้าเครื่องนี้ก็สามารถเปลี่ยนไปช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตได้ครับ
ข้อติติงที่มีคุณค่าที่สุดในกรณีนี้ มาจาก เว็บไซต์ข่าว เอ็นพีอาร์ ซึ่งระบุเอาไว้ว่า สมาคมวิสัญญีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (เอเอสเอ) เคยเตือนเอาไว้ว่า เครื่องไบเลเวลนี้ “จะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ” เพราะมันปล่อยให้ลมหลุดรอดออกมาได้ แล้วจะมีเชื้อโควิด-19 ติดตามออกมาด้วย แพร่กระจายไปไกลในอากาศเพราะแรงลมที่ดันออกมา
แต่ถึงยามขาดแคลน ถึงจะเสี่ยงก็คงต้องยอมกันกระมังครับ
ผมเล่าเรื่อง อีลอน มัสก์ กับเครื่องช่วยหายใจมายาวเหยียด ไม่ได้อยากจะช่วยแก้ต่างแทนให้เท่าใดนักนะครับ
ผมเพียงแต่อยากบอกให้รับรู้โดยทั่วกันว่า สภาวะแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 นั้น หากเกิดขึ้นแล้ว ระบบการแพทย์ โรงพยาบาล ระดับทันสมัยขนาดไหนก็ยังเจอสภาพขาดแคลนอย่างที่เห็นแก่ตาอยู่ในนิวยอร์กนี่แหละ
ถ้ายังไม่อยากไปถึงขนาดนั้น คนไทยต้องช่วยกันทุกๆ คนครับ
