ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 ประจำวันพุธที่ 8 เมษายน 2563 : เราจะได้พบกันอีก
ควีนสปีชที่ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ตรัสว่า “เราจะได้พบกันอีก” เป็นข้อความให้กำลังใจชาวอังกฤษ (และน่าจะรวมถึงชาวโลกด้วย) อย่างเรียบง่าย แต่กินใจ เพราะทุกๆ คนก็คงจะรอวันนั้นอยู่
ทั้งรู้ด้วยว่าต้องรออย่างอดทน รักษาระยะห่างทางสังคม และเก็บตัวอยู่ที่บ้านต่อไปจนกว่าจะคุมเชื้อไวรัสโคโรนาไม่ให้ระบาดเป็นวงกว้างได้
การกลับมาพบกันอีก หรือคล้ายๆ การเปิดเมืองอีกรอบมีตัวอย่างที่เมืองอู่ฮั่นต้นตอและศูนย์กลางการระบาดของโควิด ได้ฤกษ์กลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง วันที่ 8 เมษายนนี้
อู่ฮั่นปิดเมืองไปตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม ตั้งแต่เชื้อระบาดหนัก จนผ่านมาสองเดือนกว่า สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จึงทยอยเปิดเมืองและยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทาง
เมื่ออู่ฮั่นเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า วันที่เราจะได้พบกันอีกนั้นมีจริงๆ ก็คงจะทำให้ชาวเมืองอื่นๆ รวมถึงเมืองไทยมีกำลังใจกัดฟันรอต่อไป
วิกฤตครั้งนี้ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ นานาประเทศต่างก็ต้องทำตาม “อู่ฮั่นโมเดล” กันหมด โดยเฉพาะการปิดเมือง จะปิดเร็วปิดช้า แล้วแต่การตัดสินใจของรัฐบาลประเทศนั้นๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องดำเนินมาตรการเดียวกัน
คือเว้นระยะห่างทางสังคม และกักตัวอยู่ที่บ้าน
มีคนมองว่า ความเป็นโลกเสรีของยุโรปและอเมริกาทำให้คุมสถานการณ์ยากกว่าจีน และทำให้การแพร่ระบาดของชาติตะวันตกสาหัสกว่า ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิต
แต่จริงๆ แล้ว ความร้ายกาจของไวรัสโคโรนาต่างหากที่เป็นตัวกำหนดสังคม ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ หรือเสรีนิยม ไม่เช่นนั้นเชื้อคงจะไม่ออกจากอู่ฮั่นได้ตั้งแต่แรก
สำหรับจีน ตอนแรกยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน รู้แต่ว่ามันคล้ายซาร์ส กระทั่งต่อมาจึงรู้ว่าร้ายกว่าเพราะคนที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ได้แสดงอาการในทันที
ส่วนคนตะวันตกไม่ได้สนใจคำแนะนำหรือข้อบังคับของรัฐบาลตั้งแต่แรก เพราะยังไม่ได้สัมผัสว่าโควิดร้ายแรงขนาดไหน รู้แต่ว่ามันเกิดอยู่ไกลๆ ที่อู่ฮั่น ประเทศจีน
ต่อมาเมื่อเชื้อระบาดออกนอกประเทศ ก็ยังดูไกลๆ อยู่ที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอิหร่าน
กระทั่งคลื่นระยะไกลที่เหมือนสึนามิเคลื่อนซัดมาถึงอิตาลีและชาติยุโรปอื่นๆ รวมถึงอเมริกากว่าจะไหวตัวทัน ก็โดนคลื่นนั้นซัดเข้าไปแล้วเช่นกัน
ความสาหัสที่อู่ฮั่นเจอมาก่อนและซ้ำรอยที่ยุโรปก็คือคนป่วยเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนโรงพยาบาลแบกรับไม่ไหว
ชาติยุโรปอาจมีข่าวเปิดเผยสภาพวิกฤตมากกว่าเพราะไม่มีระบบควบคุมข้อมูลข่าวสาร เช่น หมอต้องเลือกรักษาคนอายุน้อยกว่าแล้วปล่อยวางผู้สูงวัย หรือศพแน่นห้องเย็นจนต้องไปปรับลานสเก็ตมาเก็บ
การเห็นข่าวทารุณจิตใจแบบนี้มีส่วนทำให้หลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยตัดสินใจตรึงมาตรการเข้มขึ้นได้ไว หลังจากหย่อนๆ ไปจนเกิดการระบาดใหญ่จากสนามมวยและผับ
ส่วนเราจะได้พบกันอีกเมื่อใด ขึ้นอยู่กับว่าเราล็อกโควิดได้แล้วเมื่อนั้น