สถานีคิดเลขที่ 12 : ยากกว่าสู้โควิด

สถานีคิดเลขที่ 12 : ยากกว่าสู้โควิด

สถานีคิดเลขที่ 12 : ยากกว่าสู้โควิด

การต่อสู้ระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในฮ่องกงพักยกไปนานอย่างไม่คาดคิด เมื่อเกิดสถานการณ์โรคโควิดระบาดตั้งแต่ต้นปี

แต่พอโควิดซาไปทั้งในแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง การเผชิญหน้าก็ทำท่าว่าจะกลับมาอีก

เป็นตัวอย่างว่าอะไรที่ยังเคลียร์กันไม่จบ ต่อให้มีสถานการณ์พิเศษมาคั่น สุดท้ายแล้วก็จะกลับมาอีก

Advertisement

การต่อความยาวครั้งใหม่เริ่มต้นที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เมื่อการประชุมสภาประชาชนชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง เปิดฉากพูดถึงความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับควบคุมฮ่องกง

หลังจากเห็นเหตุการณ์เมื่อปี 2562 จีนระบุว่าเป็นภัยต่อหลักนิติธรรม คุกคามอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของประเทศ จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดบนพื้นฐานของกฎหมาย เพื่อป้องกันหยุดยั้ง และให้บทลงโทษ

สื่อของทางการจีนลงข่าวว่าผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพในฮ่องกงต่างร่วมลงนามและร่วมกิจกรรมรณรงค์สนับสนุนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง แต่สื่อของชาติตะวันตกและชาติเอเชียหลายประเทศ ต่างลงข่าวและภาพที่ตำรวจฮ่องกงหันกลับไปใช้แก๊สน้ำตา พร้อมจับกุมผู้ประท้วงอีกนับร้อย

Advertisement

ภาพความขัดแย้งรุนแรงนี้ถึงกับทำให้โควิดถูกลืมไปชั่วขณะ

ชาวฮ่องกงเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาถูกคุมด้วยมาตรการล็อกดาวน์โควิด ซึ่งก็ไม่มีปัญหาการประท้วงอะไรมากนัก เพราะคนส่วนใหญ่เห็นถึงความจำเป็นด้านสาธารณสุข

แต่หากต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมายความมั่นคงเพิ่มอีก คนรุ่นใหม่จำนวนมากคงรู้สึกหายใจไม่สะดวก เหมือนถูกโรคโควิดจู่โจม

ผู้นำหญิงของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง บอกว่ากฎหมายแบบนี้ ชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยก็มีคล้ายกัน ไม่ได้ทำให้นักลงทุนแตกตื่นหนีไปไหน จะมีผลเฉพาะกลุ่มคนหัวรุนแรงเท่านั้น

แต่พอเรื่องนี้ดังก้องมาจากสภาของแผ่นดินใหญ่ ปรากฏว่านักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดฮ่องกงกันอย่างแตกตื่น

สาเหตุไม่ใช่แค่เพราะความวุ่นวายในฮ่องกงเริ่มตั้งเค้าอีกครั้ง แต่กำลังจะเป็นเวทีประลองยุทธ์ระหว่างมหาอำนาจ จีนกับสหรัฐอเมริกา อีกปม

ก่อนจีนเปิดประชุมสภา โดนัลด์ ทรัมป์ พูดตีกันไว้แล้วว่า ถ้าจีนออกกฎหมายคุกคามเสรีภาพชาวฮ่องกง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ชาวฮ่องกงต้องการ สหรัฐจะออกหน้าเอง

แม้ยังไม่มีใครรู้ว่าการออกหน้าครั้งนี้คืออะไร แต่ถ้อยคำของผู้นำสหรัฐน่าจะทำให้จีนตั้งด่านล้อมฮ่องกงไม่ให้หน้าไหนมาแตะ

แต่เกมประลองยุทธ์นี้น่าจะซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อผู้นำหญิงของไต้หวันโพสต์ข้อความสนับสนุนชาวฮ่องกงที่ต้องการแสดงออกซึ่งเสรีภาพ หลังจากไต้หวันเป็นสถานที่ลี้ภัยสำหรับสมาชิกผู้ประท้วงที่หนีมาจากฮ่องกงมาพักใหญ่

ขนาดคนภายนอกอย่างเราๆ ท่านๆ ยังรู้ มหาอำนาจจีนก็ย่อมรู้เรื่องนี้ และน่าจะขุ่นเคืองใจด้วย เพราะไต้หวันมีสหรัฐแบ๊กอัพอยู่

ดูเหมือนพอเป็นเรื่องความมั่นคง การแก้ไขคลี่คลายปัญหาจะยากยิ่งกว่าสู้โควิดเป็นไหนๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image