ย้อนไปช่วงสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ข่าวที่สร้างความชื่นชมยินดี ไทยติดอันดับ 6 ประเทศที่มีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดดีที่สุดในโลก 2019 Global Health Index ได้ทำดัชนีชี้วัดความมั่นคงทางสาธารณสุขของทั่วโลก ไทยเป็นอันดับ 6 จาก 195 ประเทศทั่วโลก และยืนที่ 1 ของทวีปเอเชีย
ช่วงนั้นการระบาดของโควิด-19 เริ่มขึ้นแล้ว มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน
ล่าสุด นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย เมื่อ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีแนวโน้มควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้นเป็นลำดับ แทบไร้ผู้ป่วยสะสม ส่วนใหญ่หลังๆ เป็นคนไทยติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและนักเขียนชาวอเมริกันยกย่องไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สำเร็จ
อันเป็นผลของมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง การยึดหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านการป้องกันและรักษาสุขภาพเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด
แต่ในแง่ของภาคสังคมและเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการตั้งการ์ดสูง ก็นับเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนเมษายน 2563 เป็นเดือนที่ได้รับผล
กระทบอย่างชัดเจนจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจหดตัวสูงขึ้น เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหดตัวเกือบทั้งหมด ทั้งภาคการส่งออกสินค้า ไม่รวมทองคำ มีตัวเลขติดลบสูงถึง 15.9% ที่ถือว่าเป็นสินค้าติดลบหนักๆ อยู่ในกลุ่มยานยนต์และสินค้าที่เชื่อมโยงกับราคาน้ำมันดิบ
หากมองไปข้างหน้าไม่ว่าจะใช้นิยามใดก็ตาม ทิศทางยังดูไม่ค่อยดีมากนัก เครื่องชี้นำของการส่งออก ทั้งการค้าโลกและสำรวจคำสั่งซื้อจากผู้ประกอบการยังทิ้งดิ่งอยู่ สะท้อนให้เห็นว่าในอีก 1-2 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้าน่าจะเห็นการหดตัวที่มากขึ้น
การบริโภคภาคเอกชนหดตัวสูงตามกำลังซื้อที่อ่อนแอลง และมาตรการปิดเมือง
แต่ในความเลวร้ายของสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบก็ยังได้ภาคการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังเดินหน้าขยายตัวต่อเนื่องทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ผอ.อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท.ระบุว่า ภายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ภาครัฐเริ่มมีการทยอยจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้
ทราบกันดีว่า ประเทศไหนๆ ในโลกล้วนปิดประเทศจนหมด ประเทศไทยและจังหวัดต่างๆ ต่างก็ล็อกประตูแน่นหนา สถานที่ท่องเที่ยวทุกประเภทหยุดการกระทำทั้งหมด นักท่องเที่ยวไม่ว่าชาติไหนล้วนต้องอยู่ในประเทศตัวเองไปก่อน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยหดตัว 100% เต็มๆ เป็นตัวเลขเดียวกับชาติอื่นๆ เช่นกัน
เมื่อย้อนกลับไปปี 2562 หรือปีที่แล้ว ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างหนักมาก่อนแล้ว กระทบไปทุกหย่อมหญ้ารวมทั้งในประเทศไทยที่เหลือเพียงภาคการท่องเที่ยว ตอนนั้นเป็น ฮีโร่ เป็นเครื่องจักรที่ยังไปได้ดี สร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจากคนไทยและต่างชาติสูงมาก แต่ในเวลานี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนต้องหยุดลชั่วคราว
ผอ.อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท.ระบุว่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป นับว่าภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกัน ศบค.ได้มีมติผ่อนปรนในระยะที่ 3 เริ่มใช้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป อาทิ ขยายเวลาปิดห้างห้างสรรพสินค้าจนถึง 3 ทุ่ม สนามพระเครื่อง ร้านเสริมสวย แต่งผม หรือตัดผม ให้บริการได้เพิ่มทั้งการทำสีผม รวมทั้งมติผ่อนปรนกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ ทั้งคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม สถานที่สัก หรือเจาะผิวหนังทำได้ทั้งตัว จากเดิมให้ทำตั้งแต่คอลงไป และสปา นวดแผนไทย สามารถเปิดให้บริการนวดฝ่าเท้าได้ จนถึงฟิตเนส และโรงหนัง เป็นต้น รวมถึงการลดเวลาเคอร์ฟิว เป็นตั้งแต่ 5 ทุ่มจนถึงตี 3 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงกิจกรรมบางอย่างให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
เมื่อกิจกรรมและกิจการทั้งหลายที่ถูกรัดไว้ไม่ได้กระดิกเริ่มกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง ที่เคยบอกกันว่าให้ยอมเจ็บเพื่อจบ ก็หวังว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นต้นไป
