บทนำ : ‘หน้ากาก’ยังจำเป็น
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้สำรวจความคิดประชาชนในช่วงผ่อนปรนเฟส 3 ระหว่างวันที่ 1-6 มิถุนายน เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและการล้างมือ พบว่าเมื่อมีไข้ ไอ เจ็บ คอ ประชาชน 93.1 จะสวมหน้ากากอนามัย และเมื่อไม่มีไข้ ไอ เจ็บคอ สวมหน้ากากอนามัยร้อยละ 66.8 ทั้งนี้ เพราะสถานการณ์ของโรคได้เปลี่ยนไป ส่วนสมควรเลิกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไหร่ ร้อยละ 53.5 จะยังคงสวมหน้ากากอนามัยต่อไป ส่วนร้อยละ 44 จะเลิกสวมหน้ากากอนามัยต่อเมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ส่วนการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ประชาชนร้อยละ 90.5 ให้ความร่วมมือโดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร
กรมควบคุมโรคย้ำว่ามาตรการสวมหน้ากากอนามัยยังต้องคงไว้ แม้ว่าเป็นเวลามากกว่า 17 วันแล้วที่ไม่พบการติดเชื้อในประเทศ แต่ยังต้องตั้งการ์ดต่อไปจนกว่าจะไม่พบผู้ป่วยติดกันเป็นเวลา 28 วัน ถึงจะสบายใจได้ การเผชิญกับโควิดจะดำเนินต่อไปอย่างน้อย 1 ปี พร้อมกับเสนอว่า ในโลกยุคนี้ หน้ากากอนามัยเป็นปัจจัยที่ 6 ของชีวิต นอกจากปัจจัย 4 และปัจจัยที่ 5 โทรศัพท์มือถือ
เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้พลิกท่าที สั่งปรับข้อมูลคำแนะนำให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ จากเดิมที่หน่วยงานนี้ค้านการสวมหน้ากากมาโดยตลอด โดยเห็นว่าผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยเท่านั้นที่ต้องสวมใส่หน้ากาก จนถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง และหลายประเทศไม่เชื่อถือ ล่าสุด มาเรีย แวน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 องค์การอนามัยโลกเผยกับรอยเตอร์สว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้รัฐบาลทั่วโลกส่งเสริมให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากผ้าเวลาอยู่ในพื้นที่สาธารณะ และแนะว่าควรเป็นหน้ากากผ้าไม่ใช่หน้ากากอนามัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
การใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าเป็นวิธีการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดอย่างง่ายๆ และประชาชนปฏิบัติได้เอง โดยเฉพาะเมื่อต้องพบปะ หรืออยู่ในพื้นที่แออัด หรือมีจำนวนคนมาก คำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไทยและองค์การอนามัยโลกล่าสุดจึงสอดคล้องกัน ทางราชการควรรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน ขณะที่รัฐบาลและราชการต้องเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะเมื่อมีการผ่อนคลายหรือปลดล็อกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเสี่ยงมีมากขึ้นเช่นกัน
