โลก ถูกบังคับให้ปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

โลก ถูกบังคับให้ปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

โลก ถูกบังคับให้ปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

ปี 2020 หรือปี พ.ศ.2563 ต้นศตวรรษที่ 21 ประวัติศาสตร์โลกต้องจารึกไว้ว่า ปีนี้เป็นปีที่ หลักไมล์ (Mile stone) เวลาของโลกถูกบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบทำลายล้าง (Disruption) จนถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมโลกครั้งที่ 4 (The Fourth World Industrial Revolution)

เทคโนโลยีใหม่ (New Technology) และภัยธรรมชาติ (Virus Covid 19) ได้ทำให้เกิด “การทำลายล้าง” (Disruption) แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลก ที่ทุกคนในโลกรู้สึกสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง เหมือนเกิดแผ่นดินไหว ภัยจากการแพร่ระบาดของ Virus Covid-19 สร้างความหวาดกลัวกดดันชาวโลกให้ปิดประเทศ (Lock Down)

ตัวเลข ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. ทั่วโลกคนติดเชื้อและตายจาก Virus Covid-19 คนตายจำนวน 421,032 ราย มีคนติดเชื้อ จำนวน 7,589,101 ราย ตัวเลขนี้ยังไม่นิ่ง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Advertisement

เศรษฐกิจโลกหยุดชะงัก ทุกประเทศต้อง Lock Down ตนเอง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดน้อยลง เพราะคนไม่เดินทาง น้ำมันล้นโลก ราคาน้ำมันร่วงจนถึงขั้นต้องจ้างลูกค้าให้มาซื้อ รถยนต์โดยสารทุกสายหยุดวิ่ง สายการบินทุกสายหยุดบิน สถาบันการศึกษาทั่วโลกปิดตาย ขณะที่เงินกระดาษกำลังพัฒนาไปสู่เงินดิจิทัล (Digital Currency) สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ จีน-อเมริกา กำลังแย่งชิงความ เป็นที่หนึ่งในโลก และศูนย์เศรษฐกิจการเงินของโลกกำลังจะย้ายที่จากโลกตะวันตกมาสู่โลกตะวันออก

ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวเร่งให้มีการเปลี่ยนแปลงมีหลายปัจจัย เช่น Virus Covid-19, New Technology, Disruptive Digital Technology, Digital Currency, Clean Energy เหล่านี้ จะปฏิวัติโลกให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่จะเกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ เรียกว่า “ความปกติแบบใหม่ หรือ New normal”

มองดูระบบสถาบันการศึกษาของโลก จากอดีตจนถึงปัจจุบันที่พัฒนามากว่า 200 ปี ต่อไปก็จะไม่เหมือนเดิม การเรียนรู้สามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้ไม่จำเพาะที่โรงเรียน ระบบโรงเรียนจะเปลี่ยนแปลงนี้คือความท้าทายใหม่ (New Challenges) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก

Advertisement

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ทางการศึกษา ที่ปรากฏชัดเจนในขณะนี้ เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ในโรงเรียนนานาชาติชื่อ มอนซาŽ ในแคว้น Lombardy เมื่ออิตาลีประกาศ Lock Down ประเทศ ทำให้สถาบันการศึกษาทุกระดับต้องปิดเรียนทั้งหมด เด็กนักเรียนและครูไปโรงเรียนไม่ได้ แต่การเรียนรู้และโรงเรียนจะหยุดชะงักไม่ได้ ดังนั้นครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้ที่ชื่อ Lain Sachdev ได้สั่งประชุมครูทั้งโรงเรียนด่วน เพื่อจัดการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนให้แก่เด็กที่ไม่สามารถมาโรงเรียนได้เรียนหนังสือ โดยสั่งให้ ทีมครูŽ จัดทำสื่อทำวิดีโอคลิปสั้นๆ สื่อสารไปถึงนักเรียนและผู้ปกครองโดยมีระยะเวลาจัดทำเพียง 1 วันเดียว เพื่อให้โรงเรียนสามารถเปิดชั้นเรียนออนไลน์ได้ภายในวันถัดไป

โรงเรียนได้นำเอาวิธีการเรียนรู้ทางไกลผ่านการเรียน Online เขามาใช้จัดการเรียนการสอนทางไกลเต็มตัว ให้ ทีมครู ที่รับผิดชอบในแต่ละรายวิชา จัดทำแผนการสอน จัดเตรียมบทเรียน ทำแผนการเรียน แผนการวัดผลประเมินผลแบบใหม่ โดยที่เด็กสามารถเรียนจากทางบ้าน Learn from home ผ่านสื่อเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้การเรียนของเด็กไม่หยุดชะงัก

ครูสอนผ่านระบบประชุมวิดีโอทางไกลทุกวัน เด็กเข้าร่วมชั้นเรียนผ่าน Pad let ลดการใช้สมุด เรียนผ่าน Phone in note นักเรียนได้ร่วมแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้ใช้โปรแกรม Flip grid ช่วยให้ครูนักเรียนร่วมสร้างวิดีโอสั้นๆ มาแบ่งปันกัน เปิดช่องทาง Online ให้เด็กได้ทำงานที่บ้าน ได้ทำงานกลุ่ม ได้ปรึกษาและสอบถามคุณครูได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

Jenny Anderson ผู้สื่อข่าวอาวุโสของเว็บไซต์ Quartz ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ ถือเป็นการทดลองภาคสนามครั้งใหญ่สุดของโลกในด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational Technology หรือ Ed Tech) ที่ตามปกติไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่เพราะการแพร่ระบาดของ Virus Covid-19 ที่มาเป็นตัวเร่งเร้า จึงทำให้บรรดาครู ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาละพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้บริหารประเทศ ต้องมานั่งคิดทบทวน วิเคราะห์ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมาและมองหาวิธีแก้ไขปัญหาเดินหน้าต่อไป

คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งเลื่อนการเปิดภาคเรียนแรกประจำปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พฤษภาคม ไปวันที่ 1 กรกฎาคม เลื่อนจากปกติไปถึง เดือนครึ่ง และมีคำสั่งให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบ Online โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยการเรียนการสอน ขณะนี้ในระดับผู้ปฏิบัติอาจสับสนเพราะเป็นเรื่องใหม่ แต่ความจริงการเรียนการสอน Online โรงเรียนในยุโรป อเมริกาใช้มานานมากกว่า 40 ปีแล้ว

นี่คือสถานการณ์จำเป็น หรือ ไฟต์บังคับ (Mandatory Fight) ที่ประเทศไทยจำต้องปฏิรูปการศึกษา ประจวบกับที่ปัญหาคุณภาพการศึกษาที่ตกต่ำของเด็กไทยมายาวนาน แพ้อาเซียนไปแทบทุกประเทศ

นักเรียนไทยถูกระบบโรงเรียนกักขังไว้ วันละ 8 ชั่วโมง ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ถึงอายุ 22 ปี เป็นเวลากว่า 20 ปีเพื่อเรียนหนังสือ ระบบนี้ทำให้เด็กไทยทำงานไม่เป็น ขาดทักษะทำมาหากิน เหมือนเราเอาลูกนกลูกกาเลี้ยงไว้ในกงตั้งแต่เป็นตัวเล็กๆ พอโตขึ้นอยากปล่อยออกจากกงให้ออกหากินเองแต่ก็ไม่สามารถหากินเองได้ ต้องตายในที่สุด ดังนั้นประเทศไทยต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ

การเรียน Online ผ่านสื่อ เทคโนโลยี โดยเรียนที่บ้าน ผ่านช่องทาง Educational Technology Online จะต้องมีการเตรียมการและปรับปรุงหรือปฏิรูปอีกหลายอย่าง เช่น ปฏิรูปหลักสูตรและการวัดประเมินผล การปฏิรูปเนื้อหาวิชาเรียน การจัดรายวิชาที่ใช้ฝึกทักษะประสบการณ์ออกจากการสอนในชั้นเรียนให้ไปเป็นการออกไปฝึกประสบการณ์จริง โดย ทำเป็นโครงงาน หรือเป็นการสั่งการ หรือออกเป็นใบงาน ให้ผู้เรียนได้ออกไปหาแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตจริงในสังคม

การปรุงอาหารให้อร่อย ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องเทศปรุงรสทุกชนิดลงในหม้อเดียวกัน การจัดหลักสูตรรายวิชาจึงไม่จำเป็นต้องนำวิทยาการทุกอย่างมาบรรจุไว้ในห้องเรียน วิชาที่จัดเรียนในชั้นเรียนก็จะลดลง เนื้อหารายวิชาที่ไม่จำเป็นก็จะลดลง เวลาเรียนในชั้นก็จะลดลง วิชาหลายอย่างที่เคยบรรจุไว้ในห้องเรียนเช่น พุทธศาสนา กีฬา ลูกเสือเนตรนารี กระบี่กระบอง ให้เด็กไปหาความรู้เอาเองจากวัด จากชุมชน จากสโมสรเหมือนที่นานาชาติเขาทำ เด็กจะได้ประสบการณ์จริงมากกว่า เด็กก็จะกล้าเผชิญโลกและกล้าตัดสินใจได้ด้วยตนเองในคราวจำเป็น การจัดระเบียบใหม่ทางการศึกษาไทยน่าจะนำระบบการจัดการศึกษาแบบ Dual System ต้นแบบจากเยอรมัน มาใช้เพื่อให้เด็กมีทักษะในการทำงานหารายได้ไปพร้อมในขณะที่เรียน

การวัดประเมินผลการเรียนรายวิชาทฤษฎี ก็จะใช้การสอบ Online ผ่าน คำถามแบบเลือกตอบ (Multiple Choice) หรือเขียนตอบ (Writing Examination) หรือ ให้นำเสนอ (Presentation) ให้เขียนรายงานผลการเรียน Paper Report, Oral Report หรือการสอบแบบ Take Home Examination ก็ได้ ฯลฯ

ส่วนการประเมินผลการเรียนในวิชากิจกรรมทักษะที่ไปเรียนมาจากข้างนอก ให้ประเมินเพียงว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ทักษะความรู้ความชำนาญพิเศษที่ผู้เรียนหามาได้ภายนอก ก็ใช้วิธีการเทียบโอนหน่วยการเรียน เหมือนกับการจัดการศึกษานอกโรงเรียน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2563 กลุ่ม ครูเก่า ผู้บริหารการศึกษาเก่า ทั้งระดับ ผู้เชี่ยวชาญ ระดับ ผอ.สามัญศึกษา ระดับ ผอ.เขต ระดับอดีตผู้บริหารการศึกษาและระดับโรงเรียน ที่มีความห่วงใยระบบการจัดการศึกษาและห่วงใยคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย จำนวน 11 คน ได้ประชุมเสวนาการจัดการศึกษาไทยหลังโควิด-19 ที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ข้อคิดเห็นและข้อสรุปดังนี้

ข้อคิดเห็น

การปฏิรูปการศึกษาไทยหลังโควิด-19 ต้องเอา ตัวปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่เป็นตัวตั้ง (Problem Base Solving) สาเหตุที่เป็นตัวผลักดันให้ต้องปฏิรูปการศึกษา เช่น 1.ความเจริญอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี 2.โรคระบาด ต้องสั่งปิดโรงเรียนเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคมป้องกันการแพร่ระบาดของ Virus Covid-19 3.คุณภาพของคนไทยตกต่ำเพราะการจัดการศึกษาไม่มีคุณภาพ 4.การนำเอาความก้าวหน้าทาง Educational Technology เข้ามาเป็นเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนการค้นคว้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อสรุป

1.ปฏิรูการศึกษาทั้งระบบ ปัญหาเด็กไปโรงเรียนไม่ได้เพราะรัฐมีมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม Social Distancing โรงเรียนและเด็กยังจำเป็นจะต้องเรียน จึงเสนอให้นำการจัดการศึกษาทางไกลผ่านระบบ Online มาช่วยสอน

2.ปฏิรูปหลักสูตร ได้แก่ วัตถุประสงค์ เป้าหมายของหลักสูตร เนื้อหารายวิชาที่จะต้องเรียน รายวิชาที่จำเป็นต้องเรียนผ่านชั้นเรียน รายวิชาที่ต้องเรียนผ่านสังคมภายนอกในรูปโครงงาน การออกฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการ เมื่อครูและนักเรียนจะต้องเรียนผ่านระบบ ปรับวิธีเรียนของเด็ก เปลี่ยนแปลงวิธีสอนของครู ปรับปรุงวิธีการวัดและประเมินผลการเรียน อาจใช้หลากหลายวิธี เช่น การเขียนรายการผลการเรียนรู้ (Paper Report หรือ Oral Report) การจัดแสดงผลงาน (Demonstration) การแสดงผลงานผ่านการเล่นละคร (Show, Display)

3.ปฏิรูปการฝึกทักษะและหารายได้ขณะเรียน จัดให้ผู้เรียนได้เรียนควบคู่กับการทำงานหาเลี้ยงชีพคู่ขนานกับการเรียน แบบการจัดการศึกษาของเยอรมัน ที่เรียนว่า ระบบ Dual System Education ใช้การศึกษาเพื่อการอาชีพ โดยจัดให้เหมาะสมกับระดับวัยของผู้เรียน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากอาชีพที่บ้าน จากโรงงาน จากสถานประกอบการ ผู้เรียนจะได้รู้จักตัวเอง สามารถพัฒนาตนเองต่อเนื่องได้ไม่รู้จบ ใช้จัดการเรียนการสอนให้เป็นแบบ Dual System ให้เหมาะสมตามระดับชั้นและวัย

4.ปฏิรูปโครงสร้างกระทรวง ให้สอดคล้องกับโครงสร้างการบริหารบ้านเมือง เอาหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนออกไป การบริหารงานในกระทรวงที่เป็นรูปขององค์คณะบุคคลให้ใช้บุคคลและตำแหน่งที่มีส่วนได้ส่วยเสียจริง (Real Stakeholder) เข้ามาเป็น คณะบอร์ด CEO อย่าเอา ท่องเที่ยวจังหวัด ประมงจังหวัด เกษตรจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการบริหารงาน ให้เป็นได้เฉพาะกรรมการที่ปรึกษา เพราะท่านเป็นผู้บริโภคทางการศึกษาเท่านั้น

5.ให้นำเด็กออกไปศึกษานอกสถาบัน ให้ถือเอาทักษะประสบการณ์การทำงานนอกเวลา (Part Time) เป็นเครดิตทางการเรียน เทียบโอนเกรดให้ เช่น บริษัท โรงเรียน สถานประกอบการ ให้ผู้เรียนนำความรู้ประสบการณ์ ทักษะจากการได้ไปทำงานในหน่วยงานข้างนอกมาเทียบโอนเป็น เครดิตการเรียนได้

ขณะนี้ทั่วโลกกำลังปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อพัฒนาให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 แม้แต่ประเทศฟินแลนด์ ที่เป็นผู้ประสบผลสำเร็จในระดับต้นๆ ของโลก ก็กำลังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปการศึกษาให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้นไป

เพชร เหมือนพันธุ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image