รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ปลดล็อกกิจกรรมและกิจการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ทำอาชีพสร้างรายได้มา 4 ระยะหรือเฟสแล้ว แต่อีกหลายอาชีพยังไม่ได้ปลดล็อก เช่น กลุ่มนักดนตรี ซึ่งไม่ได้ทำงานมา 4 เดือน ต้องกู้ยืมมาประทังชีวิต อย่างไรก็ตาม ศบค.เผยว่าเตรียมจะผ่อนคลายให้ทำอาชีพ รวมถึงกลุ่มผับ บาร์ คาราโอเกะ ซึ่งจะมาพบคณะทำงานวันที่ 21 มิถุนายน เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อปลดล็อกทำกิจการกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่น่าไว้วางใจ มีข่าวว่าชาวเมียนมาที่เดินทางกลับเมียนมาผ่านทางชายแดนไทยติดเชื้อโควิด 23 คน เป็นประเด็นน่าสนใจว่า รับเชื้อจากประเทศไทยหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกคำเตือนว่า ให้ระวังระยะใหม่ของการแพร่ระบาดที่มีความอันตรายร้ายแรง ขณะที่ผู้คนเบื่อหน่ายการที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน แต่เปราะบางต่อการติดเชื้อ ประเทศต่างๆ ต้องการเปิดเมืองและรีสตาร์ตธุรกิจ แต่ไวรัสยังคงแพร่ระบาดในอัตราที่รวดเร็ว และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงขอให้ชาติต่างๆ เฝ้าระวังสูงสุด โดยชี้ว่า
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว มากกว่า 150,000 คนในวันเดียว สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เกือบครึ่งหนึ่งอยู่ในทวีปอเมริกา ขณะที่ในเอเชียใต้และตะวันออกกลางมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากเช่นกัน
ในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ การควบคุมด้วยมาตรการต่างๆ เป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะในเมื่อยังมีความเสี่ยงของการย้อนกลับมาระบาดอย่างรุนแรง ดังคำเตือนขององค์การอนามัยโลก แต่พร้อมๆ กันนี้ การทำอาชีพของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ประเทศไทยใช้มาตรการเข้มข้นคุมการแพร่ระบาดอย่างได้ผล แต่ก็เกิดความสูญเสียทางธุรกิจอย่างหนักไปพร้อมกัน การเผชิญภัยจากโควิดจึงต้องดำเนินการไปพร้อมกับการหาวิธีการให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้ดำเนินธุรกิจและประกอบอาชีพ เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ส่วนทางราชการต้องค้นคว้าทดลองวัคซีนและเตรียมความพร้อมทางการแพทย์ไปพร้อมกัน
