ยุทธศาสตร์‘สุขภาพมาก่อนเสรีภาพ’ของ ศบค. : โดย ธีรเวทย์ ประมวญรัฐการ
ยุทธศาสตร์ “สุขภาพมาก่อนเสรีภาพ” เกิดขึ้นหลัง ครม. มีมติจัดตั้ง”ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 หลังกรุงเทพฯถูก “ล็อกดาวน์” (18 มี.ค.) ก่อนมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 1 สัปดาห์ถัดมา (26 มี.ค.) ตามด้วยเคอร์ฟิว (3 เม.ย.)
เป้าหมายคือ ไวรัสโคโรนาจะต้องถูกกำจัดให้เหลือศูนย์ (0) เพื่อมิให้เกิดคลื่นลูกที่ 2 ของโควิด-19
หลัง “ล็อกดาวน์” กรุงเทพพฯย่างเข้าเดือนที่ 2 คนวัยทำงานทั้งประเทศที่เหมือนถูกบังคับให้ตกงาน ได้รับผลกระทบรุนแรงจากความล่าช้าของมาตรการเยียวยา ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่านมของลูกอ่อนที่เป็นรายจ่าย จิปาถะ แต่รายรับเท่ากับศูนย์ บางรายถึงขั้น “ไม่มีจะกิน”
รัฐบาลเองก็คงตกใจที่ได้ข่าวมีการฆ่าตัวตายบ่อยๆ
แม้ ศบค.ประสบความสำเร็จที่สามารถตรึงยอดผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” ไม่ให้เพิ่มอย่างต่อเนื่องมา 2 สัปดาห์ ในหลักพันต้นๆ ของยอดสะสม ที่นอกจากไม่ห่างจากกลุ่มที่รักษาหายแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะแซงในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันคือ อัตราผู้เสียชีวิตยังไม่เคยเกิน 2% ของผู้ติดเชื้อสะสม!
สถิติเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของคนไทย
แค่คุ้มไหมกับการที่เมืองไทยได้ชื่อว่ามีระบบสาธารณสุขและการแพทย์เป็นเลิศในเอเชีย แต่ต้องแลกกับภาพลักษณ์ความอดอยาก หิวโหยของผู้คนในชาติที่กำลังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก?
ธีรเวทย์ ประมวญรัฐการ