เดินหน้าชน ​: 2ปมองค์การค้าเจ๊ง โดย นายด่าน

คลิปวิดีโอที่พนักงานองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) คนหนึ่งร่ำไห้จนเป็นลม ทันทีที่ทราบข่าวการปลดพนักงาน 961 คน กลายเป็นไวรัลที่แพร่หลายในสื่อโซเชียลมีเดีย

การปลดพนักงานองค์การค้าฯ แบบฟ้าฝ่าเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของพนักงานและเจ้าหน้าที่

เพราะก่อนหน้านี้จะมีการพูดถึงการปรับโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูองค์กรที่ขาดทุนมากว่า 18 ปี มีหนี้สินราว 6-7 พันล้านบาท แต่ไม่คาดคิดว่าจะปลดพนักงานที่มีอยู่ 1,031 คน ออกเกือบทั้งหมด

ทำให้หลายคนอยู่ในสภาพที่ช็อก ตั้งรับไม่ทัน

Advertisement

ย้อนไปช่วงก่อนปี 2542 องค์การค้าคุรุสภาชื่อเดิมในตอนนั้น สร้างกำไรปีละหลายพันล้านบาทจากการพิมพ์ตำราเรียนให้โรงเรียนทั่วประเทศ และรายได้จากร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ที่จำหน่ายตำราเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอนและชุดนักเรียน ในอดีตมีหลายสาขาทั่วประเทศ ปัจจุบันเหลือเพียง 8 สาขาเท่านั้น

แต่หลังจากเปิดเสรีตำราเรียน ทำให้สำนักพิมพ์เอกชนพิมพ์แบบเรียนแข่งขันกับองค์การค้าฯได้ จากองค์กรที่เคยกำไรทุกที กลับกลายมาเป็นขาดทุน

ว่ากันว่าปัจจัยหลักที่ทำให้องค์กรที่มีอายุครบ 70 ปีเต็มช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตกอยู่ในสภาพหนี้สินล้นพ้นนั้น

Advertisement

ประเด็นแรก การปรับตัวแข่งขันกับสำนักพิมพ์เอกชนไม่ได้หลังเปิดเสรีตำราเรียน เดิมที่เคยผูกขาดขายตำราเรียนให้โรงเรียนทั่วประเทศ แต่เมื่อมาเจอคู่แข่งอย่างเอกชนที่มีความพร้อมมากกว่า โรงเรียนต่างๆ จึงมีทางเลือกที่หลากหลาย หันไปเลือกใช้ตำราเรียนของเอกชนมีการปรับปรุง พัฒนาเนื้อหาที่มีความทันสมัยในหลายกลุ่มสาระวิชา

บวกกับการจัดพิมพ์ที่รวดเร็วกว่า ไม่มีปัญหาความล่าช้า ทำให้ได้รับหนังสือก่อนเปิดภาคเรียน ในขณะที่องค์การค้าฯจัดพิมพ์แบบเรียนล่าช้า

ประเด็นที่สอง องค์การค้าฯ หน่วยงานในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ เคยถูกขนานนามจากคนในแวดวงการศึกษาว่าเป็น “ดินแดนสนธยา” มีการแสวงหาผลประโยชน์มากมายของคนหลายกลุ่ม มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับนักการเมือง

เช่น การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การค้าฯ มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาจากนักการเมือง

ที่ผ่านมาในหลายรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดสะสมในองค์กรแห่งนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล

อย่างสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในช่วงปี’47-48 มีการดึงอดีตผู้บริหารแบงก์ฝีมือดีเข้ามาเป็นผู้อำนวยการองค์การค้าฯ แต่บริหารงานได้ไม่นานก็ขอลาออกไป

ทิศทางจากนี้ไปขององค์การค้าฯค่อนข้างชัดเจนจากคำยืนยันของ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ไม่ได้มีการยุบองค์การค้าฯทิ้ง แต่จะใช้แนวทางที่ 3 คือการปรับองค์กรด้วยการลดจำนวนพนักงาน เพื่อให้องค์กรยังคงอยู่ และคัดสรรบุคคล คิดแผนกลยุทธ์ ปรับทิศทางการดำเนินงานให้สามารถดำเนินกิจการ และสามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป

ส่วนการผลิตหนังสือเรียนในปีการศึกษา 2564 ผอ.องค์การค้าฯคนใหม่ต้องนำเสนอแผนงาน การบริหารจัดการองค์การค้าฯของ สกสค.เบื้องต้น คาดว่าจะใช้คนบริหารจัดการกระบวนการจัดพิมพ์หนังสือ 124 คน โดยในจำนวนดังกล่าวจะมีการเปิดรับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแผนการดำเนินงานของ ผอ.คนใหม่

แผนงานที่จะนำมาขับเคลื่อน ฟื้นฟูองค์กรแห่งนี้ใหม่ หากยึดผลประโยชน์ขององค์กรและมีความโปร่งใส ไม่มีวาระซ่อนเร้นแล้ว

เชื่อว่าองค์การค้าฯยังหวังที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image