ยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดของ ‘ผู้ลี้ภัยทางการเมืองคนไทยในประเทศฝรั่งเศส’

เ มื่อ 2557 ประเทศไทยได้เกิดรัฐประหารยึดอำนาจโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนักกิจกรรมทางการเมืองจำนวนมากถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติเรียกให้ไปรายงานตัว และหลายคนก็ถูกตั้งข้อหาเพิ่ม หลังจากไปรายงานตัว ทำให้เกิดความกังวลต่อสิทธิเสรีภาพและทำให้หลายคนจึงตัดสินใจ
ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นการตัดสินใจทิ้งชีวิตในประเทศไทย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในการเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง

ถ้าเราไปรายงานตัว เราโดนข้อหาแน่ๆ และบอกว่า ตอนนี้ทุกคนในวงยังไม่มีหมายจับ แต่ถ้าไปรายงานตัวกับ คสช. น่าจะมีแนวโน้ม เพราะนักกิจกรรมเสื้อแดงที่ไปรายงานตัวแล้ว โดนแจ้งข้อหา พวกเราจึงตัดสินใจหลบออกจากประเทศไทย เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจากการคุกคามของ คสช.Ž
(ผู้เขียนขอปกปิดข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง)

ชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยในต่างแดนไม่ใช่เรื่องพึงปรารถนามากนัก และบทเรียนของพวกเขาสามารถนำมาเป็นตัวอย่างให้กับคนที่อาจจะต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้ในอนาคตได้ โดยผู้เขียนได้ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพมาวิเคราะห์ข้อมูลยุทธศาสตร์การเอาตัวรอด ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ลี้ภัยทางการเมืองคนไทยที่อาศัยในประเทศฝรั่งเศส โดยได้นัดหมายสัมภาษณ์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมถึงการสัมภาษณ์บทบาทและความช่วยเหลือขององค์กรเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ด้วย เพราะการช่วยเหลือในระยะเริ่มต้นนั้น กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไม่ได้มีสถานะบุคคลตามกฎหมาย มีหมายจับ หรือไม่มีเอกสารสำคัญในการเดินทางไปยังประเทศปลายทาง ทำไมองค์กรเอกชนเหล่านี้ถึงเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งคงหนีไม่พ้นในเรื่องของการช่วยเหลือโดยคำนึงถึงด้านสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

จากการวิจัย ผู้เขียนพบว่ายุทธศาสตร์ในการเอาตัวรอดของผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลุ่มนี้ จะใช้กระบวนการลี้ภัยหรือช่องทางหลบหนีในลักษณะแบบไม่เป็นทางการ เพื่อเป็นการเอาตัวรอดจากประเทศต้นทาง

Advertisement

หลังจากผมตัดสินใจลี้ภัยออกมาทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีมาตั้งแย่ยุคโบราณ ชีวิตผู้ลี้ภัยนั้นไม่สบายเลย ในประเทศเพื่อนบ้านที่พวกไปลี้ภัยอยู่ครั้งแรกนั้น ทางการห้ามมิให้ผู้ลี้ภัยโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหวทำมาหากินอย่างออกหน้าออกตา เราต้องหลบๆ ซ่อนๆŽ

บางกลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยมีการวางแผนการลี้ภัยไว้ล่วงหน้า

ผมคิดไว้แล้วว่าสักวันหนึ่ง ขบวนการประชาธิปไตยจะต้องถูก เล่นงานž อีกไม่ช้าก็เร็ว ผมจึงทำวีซ่าหลายๆ ประเทศเอาไว้ และต่ออายุเรื่อยมา เพื่อที่จะหนีออกนอกประเทศได้ ซึ่งผมยึดหลักว่า จะต้องไม่ถูกจับติดคุก หมดยุคแล้วสำหรับความคิดที่ว่า ผู้นำถูกจับ แล้วประชาชนจะลุกฮือ ในทางตรงกันข้าม เขาต้องรักษาอิสรภาพเอาไว้ เพื่อที่จะต่อสู้ไปเรื่อยๆŽ

Advertisement

ส่วนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิตของผู้ลี้ภัยนั้น กลุ่มตัวอย่างมีการใช้ชีวิตลำบากตามสภาพของประเทศที่ได้เดินทางไป แต่ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากเครือข่ายกลุ่มบุคคลที่รู้จัก และมีการดำรงชีวิตด้วยวิชาชีพที่ติดตัวไป เช่น การรับจ้างสอนหนังสือ การรับจ้างเล่นดนตรี การดำรงชีวิตด้วยการทำการเกษตรกรรม การหาเงินผ่านช่องทาง Social media เป็นต้น ที่น่าสังเกต คือ ไม่มีความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการหรือประจำจากหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสะท้อนความเป็นคนชายขอบ (Marginalized Persons) ของกลุ่มผู้ลี้ภัยในกระบวนการนโยบาย

ตอนที่พวกเราลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พวกเราต้องอยู่รวมกันในบ้านแบบรวมกัน ทุกคนต้องจ่ายเงินเข้ากองกลางวันละ 40 บาท เพื่อมาเป็นรายจ่ายในบ้านและค่าอาหาร นอกเหนือจากทุนที่ผู้มีอุปการะช่วยจุนเจือสนับสนุนมาบ้างŽ

การดำรงชีวิตมีลักษณะที่ไม่แน่นอนและต้องย้ายที่อยู่ต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัย

แรกๆ ชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก เราต้องยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง เพราะเราไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวเลย เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขา เมื่อมาถึงฝรั่งเศสแรกๆ ก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่เมตตาให้ที่พักอยู่ฟรีๆ และบางครั้งต้องย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ โดยอยู่ที่ละเดือนสองเดือนบ้าง อีกทั้งยังต้องทำงานเพื่อหาเงินในการเลี้ยงชีพให้ตัวเองŽ

ผู้ ลี้ภัยทางการเมืองเหล่านี้ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยดึงดูดหรือปัจจัยผลัก เนื่องจากไม่มีทางเลือกในการเดินทางมากนัก แต่หากมีทางเลือกย่อมคำนึงถึงข้อดีข้อเสียของการลี้ภัยในประเทศที่ตนเองคุ้นเคย เช่น การเดินทางไปลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะใกล้กับประเทศไทย มีความคุ้นเคยกับพื้นที่ สภาพสังคม และวัฒนธรรม ซึ่งสามารถใช้ชีวิตและปรับตัวในการใช้ชีวิตได้อย่างไม่ลำบาก

กลุ่มตัวอย่างได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรเอกชน ไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น
แต่การดำเนินการอาจจะต้องพิจารณาถึง
ความเร่งด่วน เพื่อให้สามารถเดินทางไปลี้ภัยได้อย่างปลอดภัย

และมีการรับรองตามกฎหมายของประเทศปลายทาง เพราะกลุ่มตัวอย่างมีหมายจับ ไม่มีเอกสารการเดินทาง และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต

พวกเราทั้ง 4 คนไม่มีหนังสือเดินทางไทยติดตัว แต่มาด้วยเอกสารอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเป็นกรณีพิเศษ (laissez-passer ในภาษาฝรั่งเศส)
ซึ่งออกโดยสถานทูตฝรั่งเศสในประเทศต้นทาง ผ่านการประสานงานโดยโครงการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนานาชาติ (International Refugee Assistance Project หรือ IRAP)Ž

องค์กร IRAP จะช่วยเหลือใคร เรามีกระบวนการทั้งหมด 3 อย่างหลักๆ อย่างแรกคุณจะเป็นผู้ลี้ภัยได้ ต้องมีเหตุผลในการถูกกีดกันจากประเทศต้นกำเนิดในการเข้าถึงสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปกติ อย่างที่สองคือ รัฐบาลเจ้าของที่ลี้ภัยอนุญาตให้หนีมาได้ และอย่างที่สาม มีการกระทำที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งที่กระทบต่อชีวิตŽ

ก ารช่วยเหลือขององค์กรเอกชนจะรวมถึงการช่วยเหลือในการดำเนินการเรื่องอื่นๆ ด้วย
องค์กรนี้ (ACCEPTESS-T) ช่วยทำเอกสาร จนมีสิทธิเข้าถึงสิ่งต่างๆ ลำบากมาก จนกระทั่งได้เริ่มเรียนภาษา การไม่รู้ภาษาเป็นอุปสรรคหลักของการเข้าถึงสิทธิและข้อมูล และโชคดีที่มีชุมชนคนไทยที่น่ารักคอยช่วยเหลือ และให้กำลังใจŽ

บางทีเขาอาจจะมองว่าผู้ลี้ภัยเป็นเหมือนตัวปัญหาที่ประเทศอื่นไม่รับ แล้วเราจะไปช่วยเหลือทำไม ซึ่งความคิดแบบนี้ในระดับผู้กำหนดนโยบายของประเทศหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังมีอยู่ ซึ่งเราก็อธิบายและบอกเหตุผลความจำเป็นในการช่วยเหลือŽ

ผู้ลี้ภัยทั้งหมดมีความกังวลในเรื่องของภาษาและวัฒนธรรมที่ต้องมีการปรับตัว

เราต้องมีการเตรียมความคิดว่า ถ้าเราไปอยู่ประเทศอื่นจะอยู่ได้หรือไม่ จะไปยุโรปได้ไหม ไปอเมริกาจะอยู่ได้ไหม หรือเอาง่ายๆ อยู่ใกล้ๆ อย่างประเทศเพื่อนบ้านจะอยู่ได้ไหม เพราะคนไทยปรับตัวเข้ากับอาหารประเทศอื่นยาก ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมประเทศอื่นยาก คนไทยส่วนใหญ่จึงไม่หนีไปไกลจากประเทศไทยมากนักŽ

อุปสรรคใหญ่ๆ ของการลี้ภัยในฝรั่งเศส คือภาษาฝรั่งเศส ถ้าคุณพูดฝรั่งเศสไม่ได้ คุณจะอยู่ที่นั่นอย่างลำบากมาก เพราะคนฝรั่งเศสไม่สนใจที่จะพูดภาษาอังกฤษ ป้ายตามถนนหนทาง รถไฟฟ้า ก็ล้วนเป็นภาษาฝรั่งเศส การติดต่อราชการฝรั่งเศสเพื่อดำเนินเรื่องการลี้ภัย ก็ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสŽ

ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองการลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส กลุ่มตัวอย่างผู้ลี้ภัยทั้งหมดสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเปิดเผย

โดยหลักการแล้วการเป็นผู้ลี้ภัยมีข้อห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งขัดกับธรรมชาติของผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่หนีมาเพื่อการต่อสู้ แต่ประเทศต่างๆ ก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมาก เคลื่อนไหวทางการเมืองหรือทำกิจกรรมทางการเมืองได้ แต่อย่าผิดกฎหมายประเทศเขาŽ

เรื่องความปลอดภัยในการติดตามจากรัฐไทย ไม่ค่อยมีความกังวลเท่าการอยู่ในประเทศที่ 2 ที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนเราไร้ตัวตน
อยู่ที่นี่ ก็ระมัดระวังตัวตามปกติ ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างประเทศฝรั่งเศส ความผิดเกี่ยวกับการทำร้ายชีวิตร่างกาย เป็นเรื่องใหญ่มาก จึงไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่Ž

ยุ ทธศาสตร์การขอลี้ภัยทางการเมืองที่ผู้เขียนได้กล่าวไปนั้น อาจจะไม่ได้ง่ายเสมอไปสำหรับการลี้ภัยในอนาคตของผู้ลี้ภัยทางการเมือง เพราะประเทศที่ให้ที่อยู่แก่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วยความเห็นใจ หากมีเหตุการณ์ไล่ล่าผู้ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศเหล่านั้นก็ยากที่จะปฏิเสธว่าไม่เคยมีผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทยในประเทศตัวเอง และการจะเปิดรับอีกแม้จะเป็นทางลับก็เป็นเรื่องลำบากใจ ซึ่งท้ายที่สุดผลเสียก็จะตกอยู่กับนักกิจกรรมและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจะไม่เหลือประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นที่หลบภัย ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว การจะไปลี้ภัยต่างประเทศต้องมุ่งไปประเทศที่เจริญแล้วด้วยทางเครื่องบิน และพร้อมด้วยพาสปอร์ตหรือมีวีซ่าเท่านั้น

ซึ่งหากมีการต่อสู้อาจจะต้องเป็นฝ่ายชนะจึงจะไม่ต้องมีการลี้ภัยเกิดขึ้น และอาจจะเกิดขึ้นได้ยากในสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

พร้อมพงษ์ วงศ์ราษฎร์
นักกฎหมาย และปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโท 
รัฐประศาสศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image