สถานีคิดเลขที่ 12 : แมวตะปบ โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

สถานีคิดเลขที่ 12 : แมวตะปบ โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

สถานีคิดเลขที่ 12 : แมวตะปบ โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

หลายครั้งที่ไทยมีเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสูง มักจะเกิดใกล้ๆ กับเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในต่างประเทศ

อย่างเมื่อปี 2553 การชุมนุมของคนเสื้อแดงถูกสลายเดือน เม.ย.-พ.ค. ตอนนั้นอาหรับสปริงเริ่มตั้งเค้า ก่อนปะทุปลายปีที่ประเทศตูนิเซียอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็ลามเป็นโดมิโนไปทั่วภูมิภาคในปีถัดมา

ส่วนเมื่อปี 2557 ที่ไทยแลนด์เกิดรัฐประหาร ฮ่องกงก็มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มปฏิวัติร่มเหลือง

Advertisement

ล่าสุดปี 2563 ระหว่างที่กลุ่มเยาวชนปลดแอกชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันเดียวกันนั้นที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส อดีตสหภาพโซเวียต ก็ชุมนุมใหญ่ ประชาชนลงถนนกว่า 2 แสนคนเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งและขับไล่ผู้นำ ทั้งที่รัฐบาลขู่ใช้มาตรการรุนแรง กวาดจับผู้ประท้วงแล้วเป็นพัน ถึงขั้นผู้นำฝ่ายค้านต้องหนีออกจากประเทศเพื่อความปลอดภัย

เบลารุสไม่ใช่ประเทศที่คนไทยคุ้นเคยหรือได้ข่าวบ่อยนัก ข้อมูลทั่วไปคือตั้งอยู่ฝั่งยุโรปตะวันออก เคยสังกัดสหภาพโซเวียต ก่อนประกาศเอกราชเมื่อเริ่มยุค 90 ที่โซเวียตล่มสลาย

ช่วงที่โควิด-19 ระบาดทั่วโลก เบลารุสเริ่มสร้างชื่อเป็นข่าวใหญ่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก เพราะผู้นำของประเทศนี้ นามว่า อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก อายุ 65 ปี แกประกาศเปรี้ยงเย้ยยุโรปชาติอื่นๆ ที่ล็อกดาวน์ว่า แกไม่ปิดประเทศเด็ดขาด ทั้งยังให้ลีกฟุตบอลเล่นกันต่อไป และเปิดให้มีผู้เข้าชมแน่นเต็มสนามด้วย

Advertisement

เพราะแกเชื่อว่าโควิด-19 เป็นแค่เชื้อโรคธรรมดาทั่วไปแต่ถูกอุปโลกน์ให้น่ากลัว ไม่เท่านั้น แกยังแนะนำให้ประชาชนต่อสู้กับไวรัสนี้ด้วยการทำงานหนัก อบเซาน่า และดื่มวอดก้า

ประชาชนสายแข็งที่ชอบผู้นำบู๊ๆ ห่ามๆ ก็น่าจะชอบแกได้ต่อไป หลังจากที่แกเป็นผู้นำมายาวนาน 26 ปี จนถูกสายประชาธิปไตยเรียกว่า “เผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป” ส่วนแกเองก็เคยพูดไม่แคร์สื่อว่า “การใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จในการปกครองเป็นลักษณะเด่นของผม”

แต่จุดพลิกผันที่ทำให้คนไม่ชอบดูมีมากกว่าคนชอบ ก็คือการเลือกตั้งวันที่ 9 ส.ค. ผลออกมามันน่าเกลียดเกินไป

ถ้าจะแข่งกันแฟร์ๆ กลางที่แจ้งเหมือนเล่นฟุตบอลที่บาเยิร์นชนะบาร์ซ่า 8-2 ประตูก็คงไม่มีใครว่า แต่ลุงแกเล่นชนะคู่แข่งแบบใช้อิทธิฤทธิ์ทุกกระบวนท่า ตั้งแต่ไม่ให้คู่แข่งลงสมัครและถูกขังคุก พอภรรยาคู่แข่งลงแทน แกก็ชนะขาดถึงร้อยละ 80 ต่อร้อยละ10 ทั้งๆ ที่ประชาชนเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงหมดความอดทนลุกฮืออยู่ในขณะนี้

เช่นเดียวกับที่เมืองไทย มีเด็กๆ นักเรียนนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทั้งที่ลานหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย และในหลายๆ โรงเรียน เพราะไม่ต้องการทนกับกติกาที่ประชาชนไม่ได้กำหนดร่วมกันอีก

แต่ผู้ร่วมรัฐบาลกลับพูดซ้ำๆ ว่าต้องมีใครอยู่เบื้องหลังเยาวชนเป็นแน่ และบางคนมองเด็กๆ เป็นแค่ลูกเสือ

สงสัยลืมไปว่า ไม่ว่าแมวเล็กหรือแมวใหญ่ แค่โดนตะปบก็เจ็บแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image