ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ดูเหมือนว่าในขณะนี้ทั้งรัฐบาล สภาฯ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องการศึกษา จัดชุดรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนนิสิตนักศึกษา
การรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนิสิตนักศึกษาครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ
ทั้งนี้ เพราะตามปกติการสื่อสารระหว่างนักเรียนนิสิตนักศึกษากับสถาบันการศึกษาคงจะมีอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง
ครูกับศิษย์ นักเรียนกับโรงเรียน นิสิตนักศึกษากับมหาวิทยาลัย
หรือหลายครั้งพวกเขาและเธอก็ส่งสารออกนอกโรงเรียนไปให้รัฐบาลรับฟัง
แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด สารที่ส่งไปจึงไม่ได้รับการตอบสนอง
หลายความเห็นที่นำเสนอ กลายเป็นเรื่องที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจนั่น ไม่เข้าใจนี่
กระทั่งบานปลายกลายเป็นข้อกล่าวหาว่า ไร้เดียงสา ถูกหลอก วูบวาบ มุ้งมิ้ง
จวบจนนักเรียนนิสิตนักศึกษาตั้งเวทีและอภิปรายความคิดความอ่านเกี่ยวกับการเมือง
วันนี้คงรับทราบกันแล้วว่า พวกเขาและเธอ มิได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา
การตอบคำถามว่าทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แสดงถึงการค้นหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามมาพักใหญ่
ผ่านการเสวนากันเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนเห็นพ้องว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น ทัศนคติของผู้รับความคิดเห็นที่ออกไปทำหน้าที่รับฟังนักเรียนนิสิตนักศึกษา จึงควรเป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ต้องการ “ฟัง” เพื่อ “ทำความเข้าใจ”
การฟังให้เกิดความเข้าใจได้ ต้องฟังกันหลายคน ฟังกันหลายครั้ง และต้องมีคนฟังหลายคณะ
ฟังและสอบถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจ แล้วกลับไปเปิดคลิป หรือการออกสื่อเก่าๆ เพื่อทำความเข้าใจ
ด้วยความเชื่อที่ว่า หากฟังจนเข้าใจแล้ว ผลจะออกมาในเชิงบวก
และมีผลเชิงบวกนำเสนอให้ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจได้เห็นภาพ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ
แต่หากการ “รับฟัง” ที่กำลังดำเนินการ เป็นการฟังเพื่อ “จับผิด”
จับเอาคำบางคำ ประเด็นบางประเด็น แล้วนำมาตีความไปในทางร้ายตามความเชื่อของตัวเอง
สรุปรายงานกล่าวหาจับผิดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของนักเรียนนิสิตนักศึกษาผู้ให้ข้อมูล
ถ้ารับฟังแล้วผลออกมาเช่นนี้ เวทีการรับฟังก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครให้ความร่วมมือ
นักเรียนนิสิตนักศึกษาก็จะคืนกลับไปสู่การตั้งเวทีปราศรัยกันเอง
ตั้งเวทีเพื่อพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ถ่ายทอดให้สังคมได้ฟัง
พูดเพื่อให้สังคมเข้าใจในสิ่งที่ต้องการสื่อ
ยิ่งมีผู้ตีความเจตนาของการนำเสนอไปในทางร้าย
ยิ่งต้องแสวงหาช่องทางนำเสนอเจตนาในทางดีที่ตัวเองคิดให้สังคมรับทราบ
ดังนั้น ชุดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษาชุดนี้จึงสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นชุดของสภาพัฒน์ ชุดของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ชุดของกระทรวงศึกษาธิการ หรือชุดของสภาผู้แทนราษฎร
ทุกชุดมีผลต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้
เพราะการออกมาเคลื่อนไหวของนักเรียนนิสิตนักศึกษา คือ ต้องการส่งเสียงของพวกเขาให้รัฐบาลได้ยิน
ถ้ารัฐบาลได้ยินและเข้าใจ การนำพาสังคมไปด้วยกันก็ไม่น่ามีปัญหา
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วยังไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครเข้าใจ
การออกมาส่งเสียงเพื่อให้สังคมเข้าใจก็จำเป็นต้องมีต่อไป