จิตวิวัฒน์ : ความศักดิ์สิทธิ์คือชีวิต (2) : โดย จารุปภา วะสี

จิตวิวัฒน์ : ความศักดิ์สิทธิ์คือชีวิต (2) : โดย จารุปภา วะสี

จิตวิวัฒน์ : ความศักดิ์สิทธิ์คือชีวิต (2) : โดย จารุปภา วะสี

 

“ลองคิดดูในมุมนี้นะ เราไม่ได้เป็นมนุษย์ที่พยายามกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับความศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนหรอก ที่จริงเราเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลงมามีประสบการณ์แบบมนุษย์ต่างหาก”

จูดี้ แมคอัลลิสเตอร์
ชุมชนฟินด์ฮอร์น สกอตแลนด์

Advertisement

 

ผู้เขียนนึกถึงประโยคที่ครูจูดี้พูดในช่วงต้นของเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการสื่อสารกับปัญญาธรรมชาติครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ เมื่อราวสิบปีก่อน ในช่วงนั้นเวิร์กช็อปลักษณะนี้ยังให้ความรู้สึกวูดูๆ อยู่มาก เราได้ฝึกการสื่อสารกับดวงจิตอื่นๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ผ่านประตูของการกลับเข้าสู่ดวงจิตที่สงบ ว่าง และศักดิ์สิทธิ์ของตัวเราเองเป็นอันดับแรก แล้วจึงใช้จิตเช่นนั้นสื่อสารกับจิตของเทพผู้ดูแลองค์ต่างๆ เช่น เทพผู้ดูแลชีวิตแต่ละชนิดพันธุ์ และเทพผู้ดูแลพื้นที่แต่ละพื้นที่ ในฐานะผู้ฝึกใหม่ที่มีพื้นจิตเดิมวุ่นๆ อยู่มาก ผู้เขียนได้จิ๊กซอว์ความรู้และประสบการณ์บางอย่างติดตัวมาอย่างคลุมเครือ

นอกจากวรรคทองข้างบนของครูจูดี้ที่ลอยอยู่เป็นแบ๊กกราวด์ในใจผู้เขียนเสมอๆ คนที่มีอิทธิพลต่อผู้เขียนมากในการแสวงหาและทำความเข้าใจความรู้สาย “แม่มด” ทำนองนี้ คือ พี่เอียด “นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว” เพื่อนนักเขียนรุ่นพี่ที่สนิทกันมาเกือบครึ่งชีวิต พี่เอียดเคยบอกวิธีการได้มา ซึ่งความรู้อันนอกเหตุเหนือผลและไปพ้นประสาทสัมผัสทางกายว่า “ให้กลับเข้าไปในใจตัวเอง”

Advertisement

การค่อยๆ ฝึก “กลับเข้าไปในใจตัวเอง” ทีละเล็กทีละน้อยทำให้ผู้เขียนสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตได้มากขึ้น และนึกได้บ่อยๆ ถึงคำสอนของท่านพุทธทาสที่ว่า “จิตเดิมแท้ของมนุษย์นั้นประภัสสร คนที่รู้ความจริงเรื่องนี้กับคนที่ไม่รู้นั้นมีผลแตกต่างกันมากในการภาวนา”

สำหรับผู้เขียน ประสบการณ์ของการรับรู้ เข้าใจ และเชื่อมโยงกับ “ความศักดิ์สิทธิ์ภายในตัวเอง” คือก้าวแรกที่แท้จริงของการเข้าถึง “ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตอื่นๆ ทั้งหมด”

ความสามารถที่เป็นสกิลใหม่เช่นนี้ ที่จริงเป็นความสามารถดั้งเดิมตามธรรมชาติของมนุษย์ พี่เอียดบอกว่า ความสามารถของ “แม่มด” ทำให้แม่มดมีหน้าที่ต่อโลกไม่ต่างจาก “พระโพธิสัตว์” ในยุคก่อนและในหลายวัฒนธรรม เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงบางคนในหมู่บ้านจะมีความสามารถพิเศษในการหยั่งรู้ด้วยจิต และทำหน้าที่ดูแลเยียวยาผู้คนจำนวนมาก โดยไม่เน้นการได้สินจ้างรางวัล และผู้หญิงเหล่านี้ยินดี เธอเลือกวิถีของการร่วมสุขทุกข์ไปกับผู้คนธรรมดาสามัญมากกว่าการบรรลุธรรมไปโดยลำพัง

ความรู้ทางปรัชญาที่ว่าด้วยญาณวิทยาบอกไว้ว่า การกลับเข้าไปในใจตัวเอง เพื่อใช้ดวงจิตเป็นเครื่องรับความรู้ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการ รู้ด้วยใจ “Intuition” หรือที่อาจารย์ประเวศ วะสี อธิบายว่า คือการรู้ขึ้นเองด้วยชีวิตทั้งหมด เป็นหนึ่งในสามทางของที่มาแห่งความรู้ คือ หนึ่ง การมีประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสทางกาย (Sensation) สอง การคิดใคร่ครวญตามเหตุผล (Reason) และ
สาม การรู้ด้วยใจ (Intuition)

การรู้ด้วยใจยังคงเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ในชุมชนเก่าแก่ทั่วโลก วิธีเช่นนี้เดินทางจากอินเดีย จีน และญี่ปุ่น กลับสู่คนรุ่นใหม่ในโลกตะวันตกยุคบุปผาชนเบ่งบานราว 50 ปีก่อน กลุ่มพ่อมดแม่มดที่ฟินด์ฮอร์นก็เริ่มต้นชุนชนในยุคนั้น และหลังจากนั้นไม่นาน วิถีแบบนิวเอจก็เป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อความรู้ล่าสุดทางฟิสิกส์ควอนตัมมาบรรจบกับความรู้จากภูมิปัญญาโบราณ อย่างที่ฟริตจอฟ คาปรา เขียนไว้ใน เต๋าแห่งฟิสิกส์ ว่า คำพูดที่กล่าวถึง “สภาวะแห่งความจริง” นั้น หลายครั้งเราแยกไม่ออกเลยว่าพูดโดยนักวิทยาศาสตร์ หรือครูทางจิตวิญญาณ

ภายในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยของเราก็มีสายธารเล็กๆ ที่ทำงานทางสิ่งแวดล้อมด้วยวิถีนิวเอจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเชื่อมโยงประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์ในฐานะปัจเจกเข้ากับความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติและชีวิตอื่นๆ

เช่น เสมสิกขาลัย ที่จัดคอร์สร่วมกับ ณัฐฬส วังวิญญู เพื่อเผยแพร่ความเข้าใจนิเวศวิทยาแนวลึกต่อเนื่องหลายปี โดยพาเข้าไปค้างคืนในป่าต้นน้ำแม่ขาน ที่บ้านสบลาน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ และมีพะตีตาแยะ ปราชญ์ผู้เฒ่าปกากะญอ เป็นผู้ร่วมดูแลกระบวนการเรียนรู้ โดยณัฐฬสเรียนจบปริญญาโทมาทางผู้นำทางสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยนาโรปะ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่หยั่งรากลงในพุทธศาสนาวัชรยานจากทิเบต

เรามี มูลนิธิข้าวขวัญ นำโดยเดชา ศิริภัทร ที่มีประสบการณ์ตรงทางจิตวิญญาณจากศาสตร์ของอินเดียนแดง ได้เชิญโดโรธี แม็คเคลน ผู้ก่อตั้งชุมชนฟินด์ฮอร์น มาฝึกให้ผู้นำเกษตรกรของข้าวขวัญใช้จิตสื่อสารกับปัญญาธรรมชาติ เวิร์กช็อปครั้งนั้นทำให้เรามีหนังสือเล่มเล็กๆ เพื่อรักและประจักษ์ปัญญาธรรมชาติ ซึ่งเป็นเสียงจากดวงจิตต่างๆ ในธรรมชาติที่สื่อสารผ่านโดโรธี และประชา หุตานุวัตร เรียบเรียงไว้ นอกจากนี้ นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ได้เข้าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเวิร์กช็อปนั้น และต่อมานิพัทธ์พรก็เป็นบุคคลหลักผู้สื่อสารกับแม่โพสพให้กับมูลนิธิข้าวขวัญ และข้าวขวัญได้ใช้ความผูกพันกับแม่โพสพเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนขบวนชาวนาเกษตรอินทรีย์มาโดยตลอด

เรามีมูลนิธิโลกสีเขียว นำโดย ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ที่ใช้มิติจิตวิญญาณร่วมกับวิทยาศาสตร์เพื่อทำงานด้านสิ่งแวดล้อมศึกอย่างเข้มแข็ง โลกสีเขียวเคยเชิญจูดี้ แมคอัลลิสเตอร์ จากฟินด์ฮอร์น มาจัดเวิร์กช็อปและปาฐกถา และในปีนี้โลกสีเขียวได้จัดอบรม “รับฟังธรรมชาติ” หลายคอร์ส เพื่อฝึกการสื่อสารตรงระหว่างจิตของเรากับจิตของธรรมชาติ โดยผู้นำอบรมคือ วริสรา มีภาษณี และเป็นคอร์สที่มีคนทำงานด้านสิ่งแวดล้อมเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เรามีค่ายเยาวชนเชียงดาวของ นิคม พุทธา เป็นฐานที่มั่นอยู่ข้างภูเขาและป่าต้นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของดอยหลวงเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยนิคมจัดเวิร์กช็อปหลายครั้งที่เชื่อมมิติจิตวิญญาณและธรรมชาติเข้าด้วยกัน และตัวค่ายเยาวชนเชียงดาวเองก็ได้ใช้เป็นที่จัดงาน Sacred Mountain Festival มาแล้วสองครั้ง ซึ่งผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ต่างรู้สึกได้ถึงพลังความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติที่โอบอุ้มและสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้คนอย่างเต็มที่

เรามี ธนัญธร เปรมใจชื่น จาก Seven Presents ที่เชื่อมต่อกับ Mother Earth “แม่โลก” แม่ธรณี และจัดกระบวนการเรียนรู้ที่นำพาผู้คนให้เชื่อมต่อกับพลังความรักและการสนับสนุนไม่มีประมาณของแม่โลก

และล่าสุด ในการคัดค้านไม่เอานิคมอุตสาหกรรมของชาวบ้านอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ก็มีการจัดกิจกรรมภาวนากับธรรมชาติหลายครั้งขึ้นในพื้นที่การต่อสู้ เพื่อนำพามิติทางจิตวิญญาณของธรรมชาติมาทำงานร่วมในขบวนการตัดสินใจด้วย นอกเหนือจากมิติทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ประสบการณ์ของผู้เขียนไปถึง แต่ในประเทศของเราและพื้นที่ต่างๆ ในโลกยังมีสายธารเล็กๆ เช่นนี้อีกมากมายที่เดินทางร่วมกันในทิศทางนี้ และเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้จัก เข้าใจ จะนำมิติทางจิตวิญญาณของธรรมชาติเข้าร่วมในการตัดสินใจใดๆ ที่จะส่งผลกระทบใหญ่ต่อสังคมทุกครั้ง

ในสภาพที่เสถียรภาพของรัฐบาลอยู่บนความไม่แน่นอน เราได้ยินข่าวการจะสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐในพื้นที่ธรรมชาติจำนวนมากอย่างเร่งรีบ ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะงักงันเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งผลิตภาพใดๆ เลย โครงการดังกล่าวล้วนมุ่งไปในทิศทางของการทำลายชีวิตและตัดขาดจากความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติและมนุษย์

และถ้าเราเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลงมามีประสบการณ์แบบมนุษย์ การทำลายชีวิตและตัดขาดจากความศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวล ย่อมเป็นทางที่เราไม่ยินดีเลือก

จารุปภา วะสี
มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แม่
www.thaissf.org, twitter.com/jitwiwat

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image