ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
รหัส การชุมนุม
ปรากฏการณ์ นักศึกษา
เสาร์ 5 กันยายน
สภาพการณ์ทางการเมืองนับแต่ “เยาวชนปลดแอก” ปรากฏตัวขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน
สังคมสัมผัสได้ถึง 2 ท่วงทำนอง
ท่วงทำนอง 1 คือการขานรับต่อข้อเรียกร้องอันมาจาก “เยาวชนปลดแอก” โดยเฉพาะท่าทีในแบบเปิดรับฟังถึงกับมีการจัดตั้งเป็นคณะกรรมาธิการ
ตามมาด้วยการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม “รัฐธรรมนูญ”
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องปลดล็อกกรรมวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมผ่านมาตรา 256 ไม่ว่าจะเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.ผ่านมาตรา 272
ขณะเดียวกัน ท่วงทำนอง 1 คือ การสกัดขัดขวาง กระทั่งจับกุม คุมขัง
ไม่ว่าจะเป็นการส่งตำรวจทหารคุกคามเด็ก คุกคามผู้ปกครอง และการออกหมายจับ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นต้น
ด้านหนึ่ง เป็นไม้นวม ด้านหนึ่ง เป็นไม้แข็ง
การใช้ไม้นวมอาจทำให้พรรคและนักการเมืองบางคนหลงเชื่อ เกิดความเพ้อฝันว่ามีแต่การแก้ไขมาตรา 256 เท่านั้นจึงจะนำไปสู่การรื้อและสร้างรัฐธรรมนูญใหม่
มองเห็นแต่ด้านที่รุ่งโรจน์ มองข้ามด้านที่หลอกลวง
ลืมไปว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ไม่ว่าจะมองผ่านรัฐบาล ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคร่วมรัฐบาล เคยกระตือรือร้นที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่
การเขียนเป็น “นโยบายเร่งรัด” ก็หาได้เร่งรัดอย่างแท้จริงไม่
ต่อเมื่อเกิดปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก” ต่อเมื่อมีการทะลุเพดานผ่าน “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” นั้นหรอกจึงได้เกิดการขยับขับเคลื่อน
ทั้งมิได้เป็นการขยับเพื่อแก้ หากแต่ขยับเพื่อเตะถ่วง ซื้อเวลามากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองข้ามความขึงขังที่ไม่เคยอ่อนข้อหรือประนีประนอมเลยแม้แต่น้อยในการคุกคามและยัดเยียดข้อหาให้กับน้องๆ “เยาวชนปลดแอก”
มองเห็นแต่ด้านที่ผ่อนปรน มองไม่เห็นด้านที่ปราบปราม
แท้จริงแล้ว หากติดตามท่วงท่าและอาการไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ไม่เคยเลยที่จะแตะ “รัฐธรรมนูญ”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อผ่อนปรนด้วยการเสนอร่างแก้ไขในนามของพรรคร่วมรัฐบาลก็หมกเม็ด ซ่อนปมผ่านกลไกของกระบวนการรัฐสภา
ใช้เวลาอย่างน้อยก็ร่วม 2 ปี
แท้จริงแล้ว ท่วงท่าอาการของพรรคร่วมรัฐบาล ท่วงท่าอาการของ ส.ว.บางส่วน ก็ดำเนินไปตามกลยุทธ์ของการเตะถ่วง ซื้อเวลา
เพื่อรักษาอำนาจ เพื่อรักษากลไกของอำนาจ
เวลาจากเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม และมายังเดือนกันยายน ก็มองเห็นอย่างเด่นชัดว่ากลยุทธ์ของรัฐบาลดำเนินไปในลักษณะตีสองหน้า
1 หลอกลวง 1 ปราบปราม
ไม่ว่าด้านที่หลอกลวง ไม่ว่าด้านที่ปราบปราม ก็เพื่อทำให้ปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก” ระส่ำระสาย หมดพลังลงเป็นลำดับ
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า “เยาวชนปลดแอก” มีพลังที่เป็นจริงหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ 18 กรกฎาคม ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ 10 สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ 16 สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ 5 กันยายน
จึงนำไปสู่คำตอบจากปรากฏการณ์ 19 กันยายน