บทนำ : หวังจะได้ข่าวดี
วันที่ 1 ตุลาคมปี 2563 เป็นช่วงเวลาที่น่าจะเริ่มต้นข่าวดีสำหรับคนไทย ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเรื่องสังคม เมื่องบประมาณปี 2564 ประกาศใช้ การกระตุ้นเศรษฐกิจในห้วงเวลาท้ายปี 2563 น่าจะดำเนินไปได้ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลวางไว้ โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคน่าจะมีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย หากการจัดการหนี้ที่วางแผนเอาไว้ และการบรรเทาปัญหาการว่างงานที่เริ่มดำเนินการกันไปบ้างแล้ว ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยน่าจะมีความหวัง
ในด้านสาธารณสุข หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการเดิม การทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 น่าจะมีความคืบหน้าในเดือนตุลาคม และการทดสอบวัคซีนกับคนจะนำไปสู่การใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ในปีหน้า แต่เพียงแค่จังหวะก้าวทุกอย่างมีความคืบหน้า คนไทยย่อมมีความหวัง และพร้อมที่จะกัดฟันต่อสู้กับวิกฤตทั้งด้านโรคภัยและเศรษฐกิจเพื่อให้ผ่านพ้นไปได้ โดยมีเป้าหมายคือการมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ประเทศไทยผลิตขึ้นมาได้เอง
ส่วนด้านการเมือง แม้ดูเหมือนจะมีอุปสรรคในการขจัดความขัดแย้ง แต่ความหวังยังไม่ล่มสลาย การแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้จะต้องยืดออกไป เนื่องจากการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาอีกครั้ง แต่ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังดำรงอยู่ ถ้าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และฝ่ายวุฒิสภา มองเห็นเป้าหมายคือการเริ่มต้นสู่ความปรองดองร่วมกันได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลักดันให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการร่างกติกาของประเทศกันใหม่น่าจะมีผลในห้วงเวลาปลายปีนี้ ซึ่งหากสามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ ย่อมลดเงื่อนไขความขัดแย้งลงไป
ดังนั้น ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โอกาสที่ประเทศไทยจะมีข่าวดี และทำให้คนไทยเกิดความปลาบปลื้มใจยังมองเห็นอยู่ แม้ว่าคนไทยจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตทั้งโรคระบาดและเศรษฐกิจมาหลายเดือน เคยตกอยู่ในสภาพที่มองไม่เห็นทางออก แต่หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ การสาธารณสุขสามารถผลิตวัคซีน และการเมืองสามารถลดความขัดแย้งด้วยการชวนกันมาเริ่มต้นร่างกติกาประเทศกันใหม่ได้ ข่าวดีย่อมเกิดขึ้นและทำให้คนไทยลดความกังวล มองเห็นอนาคตของประเทศ มองเห็นอนาคตของตัวเอง ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงหวังว่านับแต่นี้ต่อไป คนไทยจะได้รับข่าวดี หวังว่าทุกอย่างที่คาดการณ์จะเกิดผลสัมฤทธิ์ ไม่พังพาบจนทำให้ข่าวดีที่คาดหวังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
