ภาพเก่าเล่าตำนาน : พระพุทธรูป…หน้าตาเหมือนฝรั่งกรีก โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เรื่องที่คุยกันสนุก มิรู้เบื่อ คือประเด็น พระพุทธเจ้า มีหน้าตาเช่นไร ดูจากพระพุทธรูปได้มั้ย การสนทนาไม่ต้องการคำตอบ ไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป เพราะไม่มีใครรู้ ได้แต่จินตนาการ ไม่รู้จะนำอะไรมาอ้างอิง …แต่สนุกสนาน

ภาพเก่า…เล่าตำนาน ขอเรียบเรียง รวบรวม บันทึกในประวัติศาสตร์ย้อนไปนับพันปี เพื่อเป็นแนวทางที่พอจะทำให้ทราบเค้าลางบางส่วนว่า พระพุทธรูปในศาสนาพุทธ เกิดมาได้อย่างไร มิใช่ข้อสรุปนะครับ…

ขอรวบรัด ตัดความ…

ในยุคดึกดำบรรพ์หลายหมื่นปี พันปีมาแล้ว บนโลกใบนี้ มนุษย์พบกับ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า มีลม มีฝน มืดแล้วสว่าง น้ำท่วม น้ำแล้ง เกิดแก่ เจ็บ ตาย มีสุข มีทุกข์ เหตุการณ์ สรรพสิ่งรอบตัวล้วนไร้คำตอบ ที่มา ที่ไป

Advertisement

พระอาทิตย์ตกดิน พระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์แหว่ง ร้อน หนาว

ที่ชัดเจนที่สุด คือ มนุษย์หลายเผ่าบนโลก “กลัวความมืด” อันยาวนาน… เมื่อมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า โผล่มาหลังภูเขา จึงขอสวดบูชา ภาวนา ขอบคุณพระอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พระอาทิตย์อย่าจากพวก
เขาไป

เมื่อไม่มีใครทราบว่า ทำไมจึงเกิด สิ่งนั้น-สิ่งนี้ เมื่อมีทุกข์ ไม่สบายกาย ทุกข์ใจ จึงบังเกิด การภาวนา อ้อนวอน วิงวอนต่อ วัตถุ เหตุการณ์ ตัวบุคคล ภูเขา แม่น้ำ มองหาสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วเรียกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์…

ในเวลาเดียวกัน ก็บังเกิดมีผู้อ้างตัวว่าเป็น “ผู้รู้” อวดตัวว่ามีชีวิตอยู่เหนือสรรพสิ่ง มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นร่างทรง มีผู้คนจำนวนมากไปอ้อนวอน ไปขอพึ่งพา (ปัจจุบันสังคมไทย เรียกคนเหล่านี้ว่า อาจารย์ หลวงปู่ พ่อปู่ มีคนไปกราบไหว้ไม่หยุดต้องจองคิว)

ปรากฏการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ทั่วพื้นพิภพ

ในดินแดนชมพูทวีป (ปัจจุบัน คือ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล) เป็นดินแดนของผู้คนเก่าแก่ รุ่งเรืองทางอารยธรรม

ตรงนี้ เป็นพื้นที่กำเนิดของหลากหลาย ลัทธิ ความเชื่อ กลุ่มคนในดินแดนแห่งนี้เป็น นักคิด ค้นหา เพื่อต้องการที่พึ่งทางใจ ร้อนรุ่ม กระหายใคร่รู้ ทุ่มเทชีวิตจิตใจ เพื่อต้องการ คำตอบ วิงวอน ขอพร

คนจำนวนมาก ตั้งตัว สถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้า เจ้าสำนักความคิด มีฤษี ชีเปลือย มีนักบวชสารพัด ที่อ้างว่าติดต่อ สื่อสาร กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้

พระพุทธเจ้า ท่านเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ เป็นบุคคลผู้หนึ่ง ที่ต้องการค้นหาแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่อให้พ้นทุกข์ ท่านขอละชีวิตที่แสนสบาย ออกบวช ตระเวนไปศึกษา เข้าร่วมในการฝึกฝนจากสำนักต่างๆ ในดินแดนแว่นแคว้น (ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียในปัจจุบัน)

และเมื่อท่านได้ค้นพบหลักการ หลักธรรมะ เพื่อการพ้นทุกข์ ท่านก็สละความสุขเดินทาง รอนแรมไป เพื่อบอกกล่าว “แนวทาง” ที่ท่านค้นพบแก่บรรดาผู้คนทั้งหลาย

เมื่อผู้คนทั้งปวงพิสูจน์ เรียนรู้ เห็นชอบ เห็นจริง และยอมรับหลักคำสอน ศาสนาพุทธจึงอุบัติขึ้นในโลก แล้วแพร่กระจายออกไป

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ในช่วงที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ ยังไม่มี พระพุทธรูป ยังไม่มีถาวรวัตถุที่ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพุทธศาสนา

อินเดียที่กว้างใหญ่ไพศาล มีผู้คนหลายเผ่า หลายชาติพันธุ์ หลายภาษา มีลัทธิความเชื่อ แบ่งเป็นกลุ่ม เป็นชนเผ่า ปะปนกัน ศาสนาพุทธมิได้เป็นศาสนาหลักของอินเดียนะครับ มีกษัตริย์หลายองค์ในหลายแคว้น

สิ่งก่อสร้าง ปราสาทราชวัง ที่พักอาศัย …ศิลปกรรมในยุคสมัยโน้น วัสดุที่นำมาใช้ได้ ก็คงมีเพียง หิน ดิน ทราย ถือว่าเป็นของฟรีไม่ต้องซื้อหา

มนุษย์ที่เก่งกาจ เรื่องการแกะสลัก สร้างประติมากรรมจากหิน ดิน สร้างอาคาร คำนวณน้ำหนัก รูปทรง รวมทั้งการออกแบบชิ้นงานสถาปัตยกรรมมือ 1 ของโลก คือ ชาวกรีก และโรมัน

พระเจ้าช่างลำเอียง ประทานพรสวรรค์ให้ชนชาตินี้ มาหลายพันปี ไม่เป็นสองรองใครในโลกหล้า…

โบราณนานมา…ดินแดนต่างๆ ในโลกนี้ ไม่มีประเทศ ใครแข็งแรงกว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก อยากได้ อยากมี อยากเป็น ก็ยกทัพไปทำศึก ฆ่าฟันผู้คน…แล้วเข้าครอบครอง….

กลับมาประเด็นหลัก เรื่องพระพุทธรูปครับ…

ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ในอินเดีย ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพุทธ ยังไม่มีรูปเคารพ ศาสนาพุทธเป็นเพียงส่วนเสี้ยวของชนเผ่าในอินเดียและพื้นที่ใกล้เคียง

เมื่อพระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว คือ ช่วงวิกฤตของชาวพุทธ มีผู้ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิ บ้างก็ตั้งตนเป็นเทพ เป็นเทวดากันเป็นดอกเห็ด พระสงฆ์ของศาสนาพุทธส่วนหนึ่งไม่สามารถครองตนได้ เกิดการทำมาค้าขาย เหลวแหลก โดยเฉพาะเรื่องที่ดินของสงฆ์ การปฏิบัติของชาวพุทธมลายไปแทบไม่เหลือในอินเดีย

ที่เลวร้ายที่สุด คือ หลายคนอ้างตนว่าเป็น “พระพุทธเจ้า” เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องการทำมาหากิน ทำเงิน สร้างราคา ที่ใช้ได้ผลเกินคาดมาจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2563)

ราว 300 ปี หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระเจ้าอโศกมหาราช ที่เป็นกษัตริย์นักรบ ท่านนับถือศาสนาพราหมณ์ ทำศึกรบราฆ่าฟันมวลมนุษย์ไปมหาศาล เกิดความรู้สึกเวทนาเพื่อนมนุษย์ที่ถูกสังหาร

เมื่อพระองค์ได้ศึกษาคำสอน แนวทางของพุทธศาสนา

พระองค์ทรงหันมานับถือพุทธ กลายเป็นกษัตริย์พุทธศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่ พุทธศาสนาที่หายไปกลับมามีชีวิต

พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงส่งสมณทูต จำนวน 500 รูป ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังเมืองตักกศิลา แคว้นคันธารราฐ

เมื่อพระเจ้าอโศกสวรรคต…พุทธศาสนาก็วูบอีก หากแต่ไปรุ่งเรืองในหลายดินแดนนอกอินเดีย รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การสร้างพระพุทธรูปจริงๆ นั้นเริ่มมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ระหว่าง พ.ศ.500 ถึง 550

พระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 (Menander หรือพระเจ้ามิลินท์) กษัตริย์เชื้อสายกรีก ยกทัพกรีกเข้ามาครอบครองแคว้นคันธารราฐ (ปัจจุบันเป็นดินแดนของอัฟกานิสถาน)

จากนั้นพระองค์ก็แผ่ขยายอาณาเขตไปทั่วบริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป

วันหนึ่ง…ท่านได้พบพระสงฆ์นามว่า นาคเสน สนทนากับพระนาคเสน ในลักษณะ ถาม-ตอบ คำอธิบายอันแตกฉาน กระจ่างแจ้ง ทำพระเจ้ามิลินท์ทรงหันมาเลื่อมใส นับถือพระพุทธศาสนา

พระเจ้าเมนันเดอร์ ท่านเป็นชาวกรีก มีไพร่พลที่มีฝีมือทางงานประติมากรรมและมีพระราชอำนาจเต็ม…

พลังแห่งศรัทธา ก่อเกิดสถาปัตยกรรม และประติมากรรมทางพุทธศาสนามากมายในแคว้นคันธารราฐ

พระพุทธรูป จึงเกิดขึ้นครั้งแรก ชนรุ่นหลังเรียกรูปแบบของพระพุทธรูปนี้ว่า แบบคันธารราฐ

อารยธรรมกรีก ในงานประติมากรรมฝังลึกในชมพูทวีป

“พระพุทธรูปปางคันธารราฐ” ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ โดยอิทธิพลของกรีก-โรมัน ทั้งด้านความเชื่อในการสร้างรูปเคารพและศิลปะผสมผสานอยู่ในระดับสูง

(ผู้เขียนมีความเห็นส่วนตัวว่า เป็นรูปแกะสลักที่งดงาม ได้สัดส่วนผู้คนยังน่าจะยังมิได้นับถือ กราบไหว้ บูชา)

แน่นอนที่สุด เมื่อช่างฝีมือแกะสลักเป็นชาวกรีก หน้าตา จมูก ปากของงาน ก็ออกไปในแนวที่ช่างถนัด คุ้นเคย

ช่างแกะสลักน่าจะไม่เคยเห็นคน “จมูกแบน” มาก่อน รูปแกะสลักที่ออกมา จมูกจึงโด่ง ผมหยิกเป็นลอน

พระพุทธรูปแบบ คันธารราฐ ถอดแบบจากเทวรูปที่พวกชาวกรีกนับถือกันในยุโรป มีใบหน้าเหมือนฝรั่งชาวกรีก จีวรก็เป็นริ้วเหมือนเครื่องนุ่งห่มของเทวรูปกรีก

นักประวัติศาสตร์วิจารณ์อย่างน่าสนใจว่า…พระพุทธรูปเหมือนเทพเจ้า “อพอลโล” พระนาสิก(จมูก)โด่ง พระเมาลี(ผม) เหมือนก้นหอย พระเกศาหยักศกคล้ายผมสตรี มีพระวรกายผึ่งผาย

เมื่อเรียนรู้มากขึ้น….มีพัฒนาการเรื่องวัสดุ แกะสลัก เป็นงาช้าง ไม้ ปั้น หรือหล่อด้วยโลหะ แม้แต่ทองคำ

ทุกชนเผ่าทุกชาติพันธุ์ ย่อมมีคนเก่ง คนมีฝีมือปะปนอยู่เสมอ

ความรู้ ความชำนาญเรื่องการแกะสลัก ประติมากรรม การก่อสร้าง ด้วย อิฐ หิน ถูกถ่ายทอดจากชาวกรีกให้ชาวพื้นเมืองในอินเดีย รุ่นสู่รุ่น…

อิทธิพลทางความคิด การสร้างรูปเคารพในแบบฉบับของชาวกรีกและโรมัน จึงได้แพร่หลายไปตามแถบลุ่มแม่น้ำคาบูลและสินธุ ในแคว้นคันธารราฐ

เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า อิทธิพลของกรีกลดลง พระพุทธรูปที่ทำขึ้นในสมัยหลังมีลักษณะแตกต่างห่างไกลจากเทวรูปของกรีก ในขณะเดียวกันก็มีลักษณะตามที่ช่างแต่ละยุคจินตนาการขึ้นด้วยตัวเอง

ในยุคแรก…เมื่อกำเนิดพระพุทธรูป ชาวพุทธมีจินตนาการสร้างรูปต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า

สร้างรูปม้ามีฉัตรกางกั้น เป็นสัญลักษณ์แทนการเสด็จออกบวช

สร้างรูปบัลลังก์และต้นโพธิ์ แทนการตรัสรู้

สร้างรูปธรรมจักรและกวางหมอบ แทนการแสดงปฐมเทศนา

สร้างรูปพระสถูป เป็นสัญลักษณ์แทนการปรินิพพาน

งานศิลปกรรม ไม่มีวันหยุด ตาย… มีคนคิดสร้างสรรค์ แตกแขนง เบ่งบานออกไปอีกหลายชั่วอายุคน แพร่กระจายไปยังอัฟกานิสถาน (บามิยัน) จีน ญี่ปุ่น พม่า อยุธยา เขมร ลาว ลงใต้สู่ศรีลังกา

พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในเมืองบามิยัน (ในอัฟกานิสถาน) ก็เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบคันธารราฐ โดยสร้างพุทธรูป 2 องค์โดยสกัดจากหน้าผา องค์หนึ่งสูง 175 ฟุต อีกองค์หนึ่งสูง 120 ฟุต

ศิลปิน ย่อมมีแนวทาง จินตภาพเป็นของตนเอง….

การสร้างพระพุทธรูปขึ้นหลังจากปรินิพพานมานานนับร้อยปี หน้าตา ลักษณะพระพุทธรูปจึงออกมาตามความคิดฝัน เพื่อเคารพ บูชา ที่แน่นอนที่สุด คือ สวยงาม

พระพุทธรูป ถูกสร้างเพื่อเป็นพุทธานุสติให้บุคคลที่ได้เห็นแล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้า เพื่อจะได้น้อมใจให้ประพฤติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ มิได้ตั้งใจจะทำให้หน้าตาเหมือนองค์พระพุทธเจ้า

ต่อมาจึงมีผู้นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปเป็นปางต่างๆ พระพุทธรูปที่ทำเป็นปางต่างๆ และเมื่อมีศรัทธาแรงกล้า ก็ต้องสร้างเป็น “ทองคำ”

ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ในภูมิภาคอื่นๆ นอกอินเดีย รวมทั้งสุโขทัย อยุธยา ล้วนอยากจะมีสิ่งที่จะทำให้รำลึกถึงองค์ศาสดา แสดงเรื่องราวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงศึกษาค้นคว้าหาทางดับทุกข์ และทรงชี้แนะสอนสั่งผู้คน

พระพุทธรูปขนาดเล็ก คนไทยจะเรียกว่า พระเครื่อง

มีข้อมูลสำนักหนึ่งระบุว่า…พระพุทธศาสนาแผ่เข้าสู่ประเทศไทยหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ประมาณ 300 ปี โดยพระโสณะ พระอุตตระ และพระภิกษุติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางแห่งสุวรรณภูมิ ซึ่งสันนิษฐานว่าอยู่บริเวณจังหวัดนครปฐม (มีข้อมูลแตกต่างกันหลากหลาย : ผู้เขียน)

ในเบื้องต้นนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการสร้างพระพุทธรูป

พระพุทธเจ้าปรินิพพานไป 2563 ปีแล้ว ไม่มีใครเคยเห็น ขณะที่ทรงมีชีวิตอยู่ ไม่ทราบว่าพระองค์มีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ได้อ่านเฉพาะข้อความในหนังสือพุทธประวัติ

ชาวพุทธทุกคนศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธรูป เสมือนเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ แม้จะเป็นเพียงวัตถุ ไม่มีชีวิตจิตใจ

ชาวพุทธทุกคนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า พระพุทธรูปคือองค์แทนพระพุทธเจ้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image