| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : อย่ากลัวโควิด?
โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่ผู้นำประเทศคนแรกที่ล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19 แต่ไม่มีใครครองพื้นที่สื่อได้เท่าท่านประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
ตอนที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ ฌาอีร์ โบลโซลนารู ประธานาธิบดีบราซิล ล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นข่าวใหญ่ระดับอินเตอร์อยู่พอสมควร
นายจอห์นสันเจอโควิดเล่นงานหนักจนน่าเห็นใจ ส่วนนายโบลโซลนารูมีคนเห็นใจน้อยกว่า เพราะแกทำตัวไม่ระวังตั้งแต่แรก หน้ากากไม่ใส่ ไม่เว้นระยะห่าง ซ้ำยังพูดด้วยว่า โควิดเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา
สำหรับนายทรัมป์ แม้จะมีท่าทีไม่ระวังโควิดเหมือนกัน แต่ดีกรีดราม่าสูงกว่าและไม่ลดลงแต่อย่างใด
ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากการที่นายทรัมป์อยู่ในช่วงดิ้นรนกับการหาเสียงสู้ศึกประธานาธิบดีที่ต้องพยายามรั้งเก้าอี้สมัยสองไว้ให้ได้
ยิ่งเมื่อ นายโจ ไบเดน คู่แข่งจากเดโมแครตมีคะแนนนำ เหมือน 4 ปีก่อนที่ ฮิลลารี คลินตัน เคยนำ ทรัมป์ยิ่งต้องพยายามให้ผลออกมาพลิกชัยชนะให้ตนเองให้ได้
การป่วยโควิดของนายทรัมป์มาในจังหวะเพิ่งจะไปโต้วาทีกับนายไบเดนมาได้วันสองวัน เพิ่งจะแขวะนายไบเดนไปหยกๆ ว่าไม่รู้จะสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลาทำไม
ท่าทีของนายทรัมป์หลังป่วยแล้วจึงออกมาในแนวใจสู้ ขนาดบอกว่า เข้าใจแล้วว่าโควิดเป็นอย่างไร แต่เผลอแป๊บเดียว กลับนั่งรถออกมาโชว์ตัวหน้าโรงพยาบาล
บรรดาหมอและนักวิชาการการแพทย์เห็นแล้วก็พากันรุมตำหนิ ว่าการสร้างแสดงโชว์ทางการเมืองแบบนี้ไม่ดีเลย นอกจากส่งสารที่ประมาทโรคภัยแล้ว ยังไปเพิ่มความเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ที่มาขับรถให้อีก
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น นายทรัมป์ก็ยังเดินทางออกจากโรงพยาบาลที่ไปรักษาตัวอยู่ 3 วันกลับทำเนียบขาว ทั้งที่ยังไม่หายขาด
พอถึงทำเนียบยังถอดหน้ากากออก พร้อมยังพูดกับชาวอเมริกันว่า “อย่าไปกลัวโควิดเพราะเราสู้ได้แน่ ผมรู้ว่ามันอันตราย แต่ผมต้องสู้ให้ได้ เพระผมนำอยู่ด่านหน้า เรามีอุปกรณ์การแพทย์ดีที่สุด มีการแพทย์ที่ดีที่สุด”
งานนี้เสียงจวกตามมาโดยไม่ต้องนัดหมาย ในจำนวนนี้รวมถึงนายไบเดนที่เคยแสดงสปิริตพักการโจมตีทางการเมืองช่วงนายทรัมป์ล้มป่วย ไบเดนตั้งคำถามเหมือนหลายๆ คนว่า ไม่ให้กลัวโควิด ทั้งๆ ที่โรคนี้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วเกิน 2 แสนรายอย่างนั้นหรือ
2 แสนชีวิตที่ว่านี้ได้รับการดูแลให้รอดพ้นภัยโควิดได้เหมือนกับนายทรัมป์หรือไม่
การที่ผู้ป่วยโควิดแสดงอาการหนักเบาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งยีน อายุ น้ำหนักตัว โรคประจำตัว การดูแลรักษาและตัวยาที่ได้รับ
ทรัมป์มีความเสี่ยงทั้งอายุและน้ำหนักตัว แต่มีหมอเก่งดูแลใกล้ชิด จึงไม่ได้เท่าเทียมกับคนทั่วไป
เพียงแต่ข้อดีของชาวอเมริกันและสังคมประชาธิปไตยก็คือ ประชาชนจะมองทรัมป์อย่างไรก็ได้ และประชาชนมีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนผู้นำเองได้
ต่อให้ผู้นำคนนั้นรบชนะโควิดก็ตาม
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
