กรณีกลุ่มครูและพี่เลี้ยง ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี
เป็นปัญหาความรุนแรงล่าสุดที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียง เป็นที่ไว้วางใจของผู้ปกครอง
และไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับนักเรียนชั้นอนุบาล ซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องการฟูมฟัก ดูแลเอาใจใส่จากคุณครู เพื่อเตรียมความพร้อม ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมและสมดุล ทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา
เหตุการณ์นี้ทำร้ายจิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ยากที่จะทำใจได้ ทำให้มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับครูและพี่เลี้ยงรวม 16 คน
ในทางคดีความก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ทั้งการเอาผิดกับครูและพี่เลี้ยงที่ก่อเหตุ และการดำเนินคดีกับทางโรงเรียนทั้งทางแพ่งและอาญา
ประเด็นที่น่าห่วงนอกจากการทำร้ายนักเรียนแล้ว การที่โรงเรียนรับครูที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเข้ามาสอน ทำไมยังมีอยู่ในระบบการศึกษาไทย
เพราะตามมาตรา 43 พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2546
“กำหนดให้วิชาชีพครู เป็นวิชาชีพควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต”
โรงเรียนจะมีความผิดด้วยหากรับครูที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพฯเข้ามาสอน
อาจจะด้วยโทษปรับและโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ทำให้ยังมีกรณีโรงเรียนแอบรับครูไม่มีใบวิชาชีพฯเข้ามาสอน
และที่ผ่านมายังไม่มีโรงเรียนเอกชนแห่งไหนที่ถูกปิดเพราะเรื่องนี้
ในขณะที่ระบบการตรวจสอบของ “คุรุสภา” และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ไม่ได้ลงไปตรวจครูโรงเรียนเอกชนทุกแห่งว่ามีใบวิชาชีพฯ ถูกต้องตามกฎหมายจริงหรือไม่
อาจทำให้โรงเรียนใช้ช่องโหว่ตรงนี้ ทำผิดกฎหมายรับครูที่ไม่มีใบวิชาชีพฯเข้ามา
ซึ่งตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนให้อำนาจผู้อำนวยการโรงเรียน แต่งตั้งครูกับลูกจ้างต่างๆ แล้วรายงาน สช.เพื่อทราบเท่านั้น
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เช่น พี่เลี้ยงเด็กอาจไม่ต้องแจ้งมาก็ได้
ปัจจุบันโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศเหลืออยู่ 4,118 โรง แบ่งเป็นโรงเรียนเอกชนในระบบประเภทสามัญศึกษา 3,895 โรง และโรงเรียนนานาชาติ 223 โรง
เหตุครูทำร้ายนักเรียนย่อมส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นโดยรวมของผู้ปกครองกับโรงเรียนเอกชนที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤต
เด็กเข้าเรียนลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนต้องทยอยปิดกิจการปีละนับ 100 แห่ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเหตุรุนแรงนี้ จะต้องแก้ไขอย่างจริงจัง
ทั้งในส่วนของโรงเรียนก็ต้องคัดกรองครูผู้สอน สช.เองก็ต้องมาปรับปรุงระบบตรวจมาตรฐานและคุณภาพของโรงเรียนเอกชน
ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากที่ผู้ปกครองจะไว้วางใจส่งลูกหลานเข้ามาเรียน