สถานีคิดเลขที่12 : ทวีตใคร โดย นฤตย์ เสกธีระ

รายงานข่าวที่ว่าทวิตเตอร์ปิดบัญชีผู้ใช้ ที่พบว่าเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการด้านข่าวสาร หรือไอโอ ซึ่งขัดกับกฎของทวิตเตอร์ นั้นน่าตกใจ

เพราะในจำนวน 5 ประเทศที่ทวิตเตอร์ปิดบัญชี มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

โดยทวิตเตอร์ได้ปิดบัญชีต่างๆ จำนวน 926 บัญชี

ยิ่งเมื่อรายงานข่าวระบุว่า ทวิตเตอร์ได้ตรวจสอบพบว่าหลายแอคเคาต์ที่ต้องสั่งปิดนั้นมีความเชื่อมโยงกับกองทัพ ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

Advertisement

ไม่ได้ตกใจในเนื้อหาที่สนับสนุนการทำงานของกองทัพ

แต่ตกใจที่มีรายงานข่าวว่า แอคเคาต์เหล่านี้สนับสนุนรัฐบาล และพุ่งเป้าไปที่บุคคลฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่มีชื่อเสียง

ต่อมา พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ในส่วนของกองทัพบกใช้สื่อโซเชียลเพื่อการประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบก

Advertisement

พร้อมกันนั้นทางกองทัพได้แจ้งไปทางทวิตเตอร์ว่าไม่ได้ใช้งานในลักษณะที่ถูกกล่าวหา แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบรายละเอียด

และกองทัพบกไม่มีนโยบายทำทวิตเตอร์อวตารเพื่อไอโอ

อย่างไรก็ตาม ยังมีกระแสข่าวเพิ่มเติมตามมา โดยระบุชื่อบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายของการก่อกวน ซึ่งเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน

เรื่องเช่นนี้หากเป็นการกระทำของฝ่ายราชการที่ทำเพื่อผลทางการเมืองจริง ถือเป็นเรื่องใหญ่

ประการแรก ฝ่ายราชการต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง จะใช้อำนาจหน้าที่และงบประมาณไปใช้เพื่อสนับสนุนนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง แล้วไม่สนับสนุนนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้

ประการที่สอง ขณะที่รัฐบาลส่งเสริมความสามัคคี และรณรงค์การใช้ “เฮดสปีช” สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้น

หากหน่วยราชการกระทำการสวนทางกับแนวทางของรัฐบาล ย่อมไม่ใช่สิ่งที่พึงปฏิบัติ

เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข้อมูลจากต่างประเทศ มิได้เกิดจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนำมาเปิดเผย

และพฤติกรรมดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริง ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนนโยบายของรัฐบาล

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดแจ้ง และเชื่อว่าไม่อยู่เหนือความสามารถของฝ่ายรัฐ

เพราะทุกบัญชีแอคเคาต์มีบันทึกไว้ในระบบ

หากพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ไม่มีปฏิบัติการจากเจ้าหน้าที่รัฐต่อเป้าหมายทางการเมือง หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาจะได้สบายใจ และทำให้การปฏิบัติงานในครั้งคราวต่อไปได้รับความเชื่อถือ

หรือถ้าพบว่ามีการปฏิบัติการจริง และรัฐบาลดำเนินการไปตามกฎระเบียบกฎหมาย ประชาชนก็จะได้มั่นใจในความจริงใจของรัฐบาล

แต่หากปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความคลุมเครือ

คนจะเชื่อไปทางด้านลบต่อรัฐบาลมากกว่าด้านบวก

ผลร้ายจะตกกระแทกใส่รัฐบาลเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image