ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : หมดคำเตือน
สถานการณ์การเมืองวันนี้มิใช่ปรากฏการณ์ที่เกินคาด
ตอนที่ คสช.เข้ายึดอำนาจ สิ่งที่กลัวที่สุดคือการลุกฮือขึ้นมาของนิสิตนักศึกษา
แต่ตอนนั้นมีเพียงกลุ่มนิสิตนักศึกษาไม่กี่คน จึงแลดูเสมือนว่าไร้พลัง
หลังจากนั้น คสช.ก็ใช้อำนาจดำเนินการกับคนเห็นต่าง โดยอ้างว่ากระทำตามกฎหมาย
หากแต่เป็นกฎหมายที่ตัวเองกำหนด
การกระทำดังกล่าวโจ่งแจ้งขึ้น อุกอาจขึ้น จนถึงขนาดไม่สนเสียงเรียกร้องจากพวกเขา
เมื่อมีการเลือกตั้ง พวกเขาเลือกตัวแทน สุดท้ายตัวแทนก็ถูกแบน
พวกเขาออกมาแสดงความคิดเห็นแรกๆ ก็ถูกมองด้วยสายตาอริ
บ้างก็ว่าถูกหลอก บ้างก็ว่าถูกจ้าง บ้างก็ว่าถูกชักใย
จนถึงเวลาที่มีการระดมพลกันจริงจังของกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษายื่นข้อเรียกร้อง 3 ประการ
แรกๆ ก็นึกว่ารัฐบาลจะจริงใจ เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างกติกาใหม่ร่วมกัน
แต่สุดท้ายเมื่อรัฐสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลาการแก้ไข
ความโกรธเกลียดก็กระหึ่มหน้ารัฐสภา
ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษามีแนวทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน
ยึดสันติวิธี และรู้ว่าหากเกิดความรุนแรง รัฐบาลจะอ้างไปเป็นเหตุในการสลาย
การชุมนุมแบบวันละ 3 ชั่วโมง แต่มีจำนวนมากและหลายพื้นที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
การบอกให้ทุกคนคือแกนนำคือการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม
การกระทำของรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ใช้กำลังตำรวจตระเวนชายแดนสลายการชุมนุม
ภาพที่ปรากฏออกมาทำให้ไม่มีใครเห็นด้วยกับรัฐบาล
และเป็นรอยด่างของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจตระเวนชายแดน
เสียงประณามการใช้กำลังรุนแรงดังกระหึ่ม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
วันนี้ยังมีความพยายามใส่ร้ายป้ายสี พยายามขุดบ่อล่อปลา เพื่อเป็นเหตุของการใช้กำลัง
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน
ประเด็นการเรียกร้องจากนักเรียนนิสิตนักศึกษายังคงดังกึกก้อง
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ภาคเอกชนออกมาเรียกร้องให้มีการเจรจาและยุติความขัดแย้ง
ขอให้ยุติก่อนที่เศรษฐกิจจะพังยับ และกินระยะเวลายาวนาน
ห้วงเวลานี้คงไม่ต้องมีคำเตือนใดๆ แล้ว
เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกฝ่ายได้ส่งเสียงเตือนกันจนคอแห้ง
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ต้องตัดสินใจร่วมกัน
จะรักษาเก้าอี้ตัวเองต่อไป หรือจะรักษาประเทศของเรา
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]