สมเด็จพระปิยมหาราช อันเป็นที่รักยิ่ง โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

ตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ ณ ลานพระราชวังดุสิต ที่พวกเราเรียกอย่างชินปากชินหูว่า “ลานพระบรมรูปทรงม้า” คลาคล่ำไปด้วยเหล่านิสิต นักศึกษา นักเรียน ข้าราชการ นักเรียนนายร้อยทุกเหล่าทัพ และประชาชนต่างทยอยไป บ้างอุ้มลูกจูงหลานพากันสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 ซึ่งประทับนั่งบนม้าทรง นับแต่ปลายสมัยครองราชย์ ซึ่งประชาชนในยุคนั้นร่วมกันสร้างถวาย

บรรดาหน่วยงานทั้งรัฐบาล ราชการ รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย โรงเรียน และเอกชนหลายแห่ง บางหน่วยต่างนำพวงมาลาไปวางถวายสักการะตั้งแต่ค่ำเมื่อวานนี้ ทำให้บริเวณรอบพระบรมรูปทรงม้าแน่นขนัดไปด้วยขาหยั่งแขวนพวงมาลาเต็มไปหมด เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของผู้ที่ไปร่วมสักการะตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ถึงเช้าวันนี้ 23 ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ พ.ศ.2453 ทรงครองราชย์ 42 ปี ถึงวันนี้ 110 ปีแล้ว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระนามที่ประชาชนเรียกขานทั่วไปคือ “พระพุทธเจ้าหลวง” และ “พระปิยมหาราช”

ในรัชสมัยของพระองค์ทรงมีคุณูปการต่อประเทศและประชาชนชาวไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการเลิกทาส ที่ทรงริเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2411 ด้วยการลดจำนวนทาสลง ทั้งการไถ่ทาสด้วยพระราชทรัพย์จากนายทาส เป็นเงิน 8,767 บาท ปล่อยทาสได้ 44 คน หลังจากนั้น ลดค่าตัวทาสลงเดือนละ 4 บาทจากนายทาส

Advertisement

เมื่อลดจำนวนทาสลงนับแต่ปี 2411 กระทั่งปี 2448 จึงออกพระราชบัญญัติเลิกทาส ที่มีอยู่ทั้ง 7 ประเภท นับแต่ทาสสินไถ่ ทาสในเรือนเบี้ย ทาสโดยเป็นลูกพ่อแม่ (ลูกทาส) ทาสท่านให้ ทาสที่ช่วยจากราชทัณฑ์ ทาสเลี้ยงจากเหตุทุพภิกขภัย และทาสจำเลย คนไทยจึงเป็นไทตั้งแต่บัดนั้น โดยเฉพาะบรรดาลูกทาส ทั้งไม่มีการต่อสู้เสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด

นอกจากนั้น ยังประกอบพระราชกรณียกิจปรับเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองจากเดิม เวียง วัง คลัง นา เป็น 10 กระทรวง จากเดิม 12 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงนครบาล กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัง กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงเกษตรพาณิชยการ กระทรวงธรรมการ กระทรวงโยธาธิการ และกระทรวงยุติธรรม

ยุคนั้น นับตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 4 พระบิดาของพระองค์ ชาวยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส อังกฤษ เข้ามารุกรานอาณาบริเวณอินโดจีน ที่ประเทศไทย ซึ่งยังมีชื่อเรียก “สยาม” อยู่ใจกลางบริเวณนั้น เช่น พม่า มลายู เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของ “สยาม” ที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่กลางเมือง

Advertisement

หลังสงครามปราบฮ่อ ที่ไทยไปรบชนะถึง 4 ครั้ง แต่ฝรั่งเศสเข้ามายึดดินแดนฝั่งตะวันออกคือเวียดนาม อันได้แก่ สิบสองปันนา สิบสองจุไท ที่สยามจำเป็นต้องสละสองเมืองนั้น ปัจจุบันคือเดียนเบียนฟู ทั้งต้องสูญเสียดินแดนพระตะบอง ฯลฯ เพื่อแลกกับเมืองตราดและหมู่เกาะบริเวณนั้น ซึ่งเป็นของไทยมาก่อน

ส่วนอังกฤษ บุกเข้ามาทางอินเดีย ยึดประเทศพม่า และตอนใต้คือมลายู ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน ทางใต้บริเวณตรังกานู ฯลฯ

พ.ศ.2434 พระเจ้าซาร์ แห่งรัสเซีย เสด็จเยือนประเทศสยาม พระองค์ทรงให้การต้อนรับเป็นอย่างดีสมพระเกียรติ พ.ศ.2440 พระองค์ยังเสด็จเยือนยุโรปถึง 2 ครั้ง เพื่อทรงแสดงถึงความเป็นเอกราช ให้พระราชวงศ์ในยุโรปได้รู้จักประเทศไทย ไม่แต่เพียงในแผนที่

พระราชกรณียกิจภายในประเทศ นอกจากทรงเลิกทาสแล้วยังสร้างคุณูปการอีกมาก นับแต่การทหาร ให้ขึ้นกับกรมทหารเรือ ตั้งโรงเรียนทหารบก คือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปี 2345 จึงจัดตั้งกระทรวง กลาโหม ดูแลกิจการทหารทั้งหมด แม้เรื่องทรงผมของผู้ชาย ยังทรงใช้แบบสากล และฝ่ายหญิงให้ไว้ผมยาวได้

พ.ศ.2430 ทรงตั้งกรมศึกษาธิการ รวมทั้งตั้งโรงเรียนฝึกหัดครู คือโรงเรียนเบญจมราชูทิศทุกวันนี้

น้องหนูทั้งหลายโปรดศึกษาพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาราชผู้เป็นที่รักของชาวไทยและต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง เช้าวันนี้จงไปกราบ “พระบรมรูปทรงม้า” พร้อมเพรียงกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image