สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ได้ยิน’แบบไหน

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ได้ยิน’แบบไหน : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ได้ยิน’แบบไหน : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า “ได้ยิน” สิ่งที่ผู้ชุมนุมมีการเรียกร้องแล้ว

ซึ่งก็ว่าไปตามนั้น

เพียงแต่ที่บอกว่าได้ยินแล้วนั้น

Advertisement

ได้ยินอะไร

ได้ยินแบบไหน

ด้วยนี่คือสิ่งสำคัญ ที่จะนำไปสู่ว่าจะ “ตอบสนอง” สิ่งที่ตนเองได้ยินอย่างไร

Advertisement

หากเลือกได้ยินเฉพาะสิ่งที่อยากได้ยิน

หรือได้ยินสิ่งที่เป็นประโยชน์เฉพาะของฝ่ายตนเอง

ความคาดหวังที่จะเห็นการตอบสนอง เพื่อดับวิกฤตการเมืองขณะนี้ ก็ดูอยู่ห่างไกล

มาดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินอะไรบ้าง

โดยพิจารณาจาก หนังสือแจ้งรายละเอียดและเนื้อหาที่ขอรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส.และ ส.ว.ต่อปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 26-27 ตุลาคมนี้

สิ่งที่ได้ยินอันแรกก็คือ (ได้ยินว่า) การชุมนุมใน กทม.และต่างจังหวัด มีการแออัดประชิดตัวบ่อยครั้ง ประกอบมีฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายจังหวัด

ทำให้ฝ่ายสาธารณสุขกังวลต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ง่าย

สิ่งที่ได้ยินอันที่สองคือ (ได้ยินว่า) กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนขวางทางและหยุดขบวนเสด็จล้อมรถพระที่นั่งและตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคาย แสดงอาการไม่สมควรและเป็นการคุกคามเสรีภาพของผู้อยู่ในขบวนเสด็จ

ได้ยินอันดับที่สาม (ได้ยินว่า) การชุมนุมยังมีขึ้นต่อเนื่อง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ปล่อยตัวบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ซึ่งข้อเรียกร้องบางข้ออยู่ระหว่างดำเนินการ

“การชุมนุมบางครั้งบางแห่งจะเรียบร้อย แต่บางแห่งยังพบการจาบจ้วงบุคคลอื่น ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์อันเป็นทรัพย์สินของทางราชการและก่อให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ทำผิดกฎหมายและไม่ได้อยู่ในความมุ่งหมายของเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ทั้งน่าวิตกว่าอาจมีบางฝ่ายแฝงตัวฉวยโอกาสใช้อาวุธก่อความปั่นป่วนวุ่นวาย และมีฝ่ายที่เห็นต่างได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ออกมาตอบโต้ ต่อต้าน จนเป็นการปะทะกันและเกิดจลาจลในบ้านเมือง”

จากทั้ง 3 การได้ยินข้างต้น

จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเฉพาะสิ่งที่เป็นปัญหาอันเกิดจาก “ผู้ชุมนุม” เสียทั้งสิ้น

ทั้งเป็นแหล่งแพร่ไวรัส

ทั้งคุกคามขบวนเสด็จ

ทั้งก่อความวุ่นวาย จนอาจมี “บางฝ่าย” แฝงตัวฉวยโอกาสใช้อาวุธก่อความปั่นป่วนวุ่นวาย

ส่วนประเด็นหลักๆ จากฝ่ายผู้ชุมนุม

เช่น เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ปล่อยตัวบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน

ปรากฏว่า มีกล่าวถึงแบบผ่านๆ

แถมยังระบุว่า ข้อเรียกร้องบางข้ออยู่ระหว่างดำเนินการ (แล้ว)

ซึ่งหากการได้ยินของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลเป็นแบบนี้ ก็คงสรุปได้อย่างที่พรรคฝ่ายค้านสรุป

นั่นก็คือ การประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 26-27 ตุลาคม ก็คงเป็นเวทีเพื่อแก้ต่างและโยนความเป็นผู้ร้ายแก่ฝ่ายผู้ชุมนุมเท่านั้น

มิได้มีความต้องการอันแท้จริง ที่จะ “ถอยกันคนละก้าว”

เพื่อหาจุดร่วมในการหาทางออกร่วมกัน

และเราได้เห็นสัญญาณหลายอย่าง จากการ “ได้ยิน” เฉพาะสิ่งที่ตนเองได้ยิน

ไม่ว่าการใช้กฎหมายทุกแง่มุม ไล่จับกุมฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลดราวาศอก

ไม่ว่าการใช้กลไกรัฐ ปลุกมวลชน ออกมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุไม่สงบ

จึงไม่คาดหวังว่าการประชุมของรัฐสภา จะเห็นทางออกอะไร

แถมได้คำขู่จากผู้นำสูงสุดของวุฒิสภา ว่าถ้าให้นายกฯออกจะเกิดปฏิวัติ!

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image