สถานีคิดเลขที่ 12 : ทางออก
แล้วชาวเราก็วนกลับมาถกเถียงกันเรื่อง “ทางออก” ประเทศกันอีกครั้ง
ท่ามกลางสภาพการเมืองที่มีรัฐสภา มีการชุมนุมเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย
ทางออกรอบนี้ เสนอกันหลากหลายแนว
รัฐสภาจัดประชุมวิสามัญ 26-27 ต.ค. เสนอให้ตั้งกรรมการปรองดองสมานฉันท์ เชิญอดีตนายกฯ มาร่วมเป็นกรรมการ หาทางออกจากวิกฤต
สื่อหลายสำนัก เสนอทางออกง่ายๆ ว่า ก็จัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จๆ ไป จะได้ทางออกคือ ลด “เงื่อนไข” ของการต่อต้านการเมืองที่ไม่เป็นธรรม จนกระทั่งเกิดการชุมนุมต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้
อีกทางออกที่โชยกลิ่นมาแล้ว คือรัฐประหาร ตอนนี้ กระซิบกระซาบกันว่า สภาพแบบนี้ อาจจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก เพื่อผ่าทางตัน
พูดกันอยู่ 2-3 ทางออกแบบนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่เคยทำเคยเกิดเคยเสนอมาแล้วทั้งสิ้น
อย่างกรรมการปรองดอง หลังสลายม็อบ 99 ศพ มีกรรมการปรองดองเกิดขึ้นหลายชุด
ประชุมกันเป็นล่ำเป็นสัน มีข้อเสนอเป็นข้อๆ ให้รัฐบาลดำเนินการ แถลงข่าวให้สังคมรับทราบ
แต่สุดท้ายก็ยัดเข้าลิ้นชัก เงียบๆ กันไป
ส่วนรัฐประหารผ่าทางตันนั้น ในรอบ 10 กว่าปีมานี่ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง
ถามว่า แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ก็ไม่มีใครตอบได้อย่างมีน้ำหนัก
ขณะที่หลายคนบอกว่า ดูเหมือนจะยิ่งผ่ายิ่งตัน
น่าสังเกตว่า ทางออกด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ หรือจัดทำกติกาการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยในการเมืองไทย โดยเฉพาะหลังจากฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ในปี 2549 ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นวิกฤตการเมืองอันยาวนานครั้งนี้
ปี 2554-2555 รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ที่จัดทำโดยสภานิติบัญญัติหลังรัฐประหาร 2549
ผลก็คือเจ็บหนักไปตามๆ กัน ก่อนไปจบเห่ที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ที่โดนขยาย โดนปั่นและเป่าจนกลายเป็นเงื่อนไขรัฐประหาร
มารอบนี้ นักศึกษาประชาชนเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หรือยกร่างใหม่ ให้เป็นประชาธิปไตย
ตอนแรกเห็นดีเห็นงามกันทั้งหมด เพราะเห็นปัญหามาพร้อมๆ กัน
แต่พอเข้าสภาจริงๆ เริ่มเกิดการยื้อ ลากยาวมาจนบัดนี้ ทั้งที่วิธีนี้ น่าจะเป็นทางออก ที่นำพาการเมืองออกจากจุดนี้ไปได้มากที่สุด
กรรมการปรองดองที่พูดๆ กัน ก็เหมือนเป็นเกมมายืดจังหวะการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอีก
ครั้งนี้ ต้องมาจับตากันว่า การโหวตแก้รัฐธรรมนูญในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีผลเป็น “ทางออก” หรือไม่
หรือทุกอย่างจะถูกลากข้ามไปปี 2564 กันอีก
วรศักดิ์ ประยูรศุข
