บทนำ : อย่ากดไลค์-แชร์
การรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เฉพาะ 3 วันแรกรวมจำนวน 6,921 คน ยังเหลืออีก 2 วันก่อนปิดรับสมัครในวันศุกร์ที่ 6 พ.ย. ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เริ่มออกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียง อาทิ การห้าม ส.ส.-ส.ว.ข้าราชการการเมือง ช่วยหาเสียง การห้ามติดภาพของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในการหาเสียง ห้ามให้เงินซองงานบุญต่างๆ การกดไลค์กดแชร์โพสต์หาเสียงของผู้สมัครเลือกตั้ง อาจเป็นเหตุให้ถูกร้องได้ไม่ควรเสี่ยงกระทำ ส่วนผู้ที่จะชี้ว่าผิดหรือถูกคือ กกต.
การที่ กกต.ระบุว่า ข้าราชการการเมือง ส.ส.และ ส.ว. ฯลฯ กดไลค์กดแชร์หาเสียงของผู้สมัคร อาจถูกร้องได้ และขึ้นกับ กกต.จะชี้ว่าผิดหรือถูก เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็นแนวทางที่เหมาะสมในโลกยุคปัจจุบันที่ประชาชนทุกแวดวงอาชีพ นิยมใช้โซเชียลมีเดียหรือไม่ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มอยู่ในอันดับต้นๆ การกำหนดระเบียบวิธีที่จุกจิกหยุมหยิมเกินไป จะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อบรรยากาศการเลือกตั้ง หรือเป็นการตั้งข้อกำหนดเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเอาผิดนักการเมืองบางกลุ่มบางฝ่าย
กรณีที่เกิดขึ้นนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาถาม กกต.ว่าจริงใจแค่ไหน เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นในเดือน ธ.ค.ประชาชนสนใจและตื่นตัว แต่ กกต.กลับออกข้อจำกัดมากมาย แม้กระทั่งเสรีภาพในการชื่นชมแนวนโยบายที่ดี ด้วยการห้ามกดไลค์ กดแชร์ หากเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจเข้าข่ายความผิดได้หมด วันนี้ กกต.มีหน้าที่อะไร ส่งเสริมการเลือกตั้งให้การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือคอยจับผิด นักการเมือง และพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาล
สภาพวิกฤตของการเมืองขณะนี้ มีที่มาจากกฎกติกา และการใช้กฎกติกา ซึ่ง กกต.เป็นองค์กรหนึ่งที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลกำลังพยายามตั้งกรรมการปรองดอง เพื่อแก้ขัดแย้งต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทำหน้าที่อย่างเหมาะสม ไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหา ด้วยการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ไม่เพิ่มเติมอำนาจให้ตัวเอง และใช้อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งจะทำให้ประเทศต้องอยู่ในบรรยากาศขัดแย้งแตกแยกตลอดเวลาดังที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
