‘ฉ้าย อิงเหวิน’ เจริญรอย ‘เจียง ไคเช็ค’ ซื้อไพ่ผิดใบ ไต้หวันไร้พี่เลี่ยงอุปถัมภ์

‘ฉ้าย อิงเหวิน’เจริญรอย‘เจียง ไคเช็ค’ ซื้อไพ่ผิดใบ ไต้หวันไร้พี่เลี่ยงอุปถัมภ์

‘ฉ้าย อิงเหวิน’ เจริญรอย ‘เจียง ไคเช็ค’
ซื้อไพ่ผิดใบ ไต้หวันไร้พี่เลี่ยงอุปถัมภ์

การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พ่ายแพ้โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไต้หวันมิใช่น้อย
ความกังวลในดวงหทัยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองเชียร์และแฟนพันธุ์แท้ของทรัมป์ที่สหรัฐ
เวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democrat Progressive Party=DPP) ดำรงไว้ซึ่งนโยบายที่ร่วมกับสหรัฐต่อต้านประเทศจีน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ระคายเคืองต่อจีน
ดังนั้น ไต้หวันจึงได้กลายเป็นแผ่นดินที่ใกล้ชิดโดนัลด์ทรัมป์ มากที่สุดในโลก

คนไต้หวันและสื่อที่ใฝ่ฝันเอกราช จึงรอคอยวันที่ทรัมป์จะชนะเลือกตั้งอีกวาระหนึ่ง
ทว่า วันนี้โดนัลด์ ทรัมป์ พ่ายแพ้
คาดว่าเมื่อโจ ไบเดน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
แม้ความขัดแย้งจีน-สหรัฐคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับมหัพภาค
แต่ประเด็นการปรับนโยบายต่างประเทศตามควรแก่กรณีย่อมต้องมี เมื่อปรับก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝั่งช่องแคบคือแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน
เป็นการทดสอบไต้หวันครั้งยิ่งใหญ่
มองอดีตเมื่อปี 2016 พลันที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาโทรศัพท์วิสาสะกับฉ้าย อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นก่อนในอดีต

อุปมาเสมือนขับรถสวนทาง
ตั้งแต่นั้นมา โดนัลด์ ทรัมป์ ก็กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่ใกล้ชิดไต้หวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ไต้หวันได้ให้ความร่วมมือขานรับแผนยุทธศาสตร์อย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการแข็งกร้าวที่มีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ในมุมกว้าง ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐเป็นจำนวนมหาศาล

Advertisement

กรณีเป็นการอันมิชอบ เพราะขัดต่อแถลงการณ์ร่วมของการสถาปนาทางการทูตระหว่างจีนกับสหรัฐรวม 3 ฉบับ และย้อนแย้งกับนโยบายจีนเดียวอีกด้วย
การซื้อขายอาวุธ เป็นนิติกรรมสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ
ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนที่แบ่งแยกมิได้ มิใช่ประเทศ ไม่มีอำนาจอธิปไตย

จึงทำนิติกรรมรัฐต่อรัฐมิได้
พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไต้หวันถือว่า ความสัมพันธ์สหรัฐ-ไต้หวันที่ได้ยกระดับอันสูงยิ่งคือ วีรกรรมของโดนัลด์ ทรัมป์ จึงนับวันใกล้ชิดกับพรรครีพับลิกัน

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้ฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันของฉ้าย อิงเหวิน ปรากฏมีภาพการแสดงความยินดีของสมาชิกสภาคองเกรสถึง 14 คน โดยมีพรรคเดโมแครต 3 คน พรรครีพับลิกัน 11 คน

Advertisement

คำอวยพรที่ยาวที่สุดคือนักการเมืองพรรครีพับลิกัน
อีกประการ 1 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ติดเชื้อโควิด ประธานสภานิติบัญญัติไต้หวันได้ส่งสารถึงทรัมป์แสดงความห่วงใย และหวังให้ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐต่อไป เพื่อต่อต้านปักกิ่ง
พฤติการณ์กินปูนร้อนท้องจึงเกิด เกิดเพราะรัฐบาลไต้หวันชี้แจงว่า “แตะคีย์บอร์ดผิด”
เป็นที่ประจักษ์ว่า ข้อแก้ตัวคือ “วาทกรรมประดิษฐ์”

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ระหว่างช่วงหาเสียงสหรัฐ มีนักการเมืองและสื่อที่ใกล้ชิดพรรค DPP ต่างได้เป็นกองเชียร์สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ และในทางตรงกันข้ามกลับให้ร้ายป้ายสีโจ ไบเดน เกี่ยวกับข่าวฉาวของบุตรซึ่งยังมิได้มีการนำสืบว่าเป็นความจริง

ในระหว่างการนับคะแนนเลือกตั้ง พลันที่ทรัมป์มีคะแนนนำ นักการเมืองพรรค DPP ใช้สื่อออนไลน์เป็นสรณะแสดงความปีติ ไชโยโห่ร้อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไต้หวัน”
ระหว่างการประชุมของพรรค DPP มีผู้เข้าร่วมประชุมใส่หน้ากากที่มีภาพทรัมป์พร้อมกับอักษรจีนสนับสนุน ขนาดผู้ช่วยประธานพรรคยังเขียนข้อความลงในสื่อออนไลน์ว่า
“ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง การเดินสายขอบคุณต่างชาติ สถานีแรกคือไต้หวัน”
ไม่ว่าประธานาธิบดี ไม่ว่านักการเมือง ไม่ว่าสื่อสารมวลชน ไม่ว่าคนไต้หวันได้ให้ความเคารพนับถือแก่โดนัลด์ทรัมป์ อย่างล้นหลาม สะท้อนการเทิดทูนทรัมป์เสมือน “เตี่ย”

ท่ามกลางบรรยากาศอันสับสน คนไต้หวันโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ อากง อาม่า ล้วนเชื่อกันว่า
“ชะตาชีวิตของคนไต้หวันขึ้นอยู่กับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์”

คนไต้หวันเชื่อว่าทรัมป์มีความสามารถขยับฐานะความสัมพันธ์สหรัฐ-ไต้หวัน
จึงไม่แปลกที่การนับบัตรเลือกตั้งยังอยู่ในภาวะติดตาย (Deadlock) ก็มีชุมชนคนไต้หวันพูดจาสัพยอกหยอกเย้ากันอย่างมีจริตจะก้านว่า ถ้าให้ไต้หวันกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ
Taiwan can help !

แต่เมื่อทรัมป์แพ้เลือกตั้ง มิเพียงไต้หวัน cannot help ยังเสมือนไร้พี่เลี้ยงอุปถัมภ์ คนไต้หวันจึงอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน
ประธานาธิบดีฉ้าย อิงเหวิน ออกมาพูดในทำนองแก้เกี้ยวว่า ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ไต้หวันคบได้หมด ไม่มีปัญหา แต่ความจริงก่อนเลือกตั้งเธอได้เป็นผู้นำกองเชียร์ทรัมป์

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นการสอนให้รู้ว่า การอาศัยจมูกของผู้อื่นหายใจนั้น ย่อมไม่จีรังยั่งยืน..

กรณีของ “ฉ้าย อิงเหวิน” ถือเป็นการย้ำรอยประวัติศาสตร์ของอดีตประธานาธิบดีเจี่ยง เจี้ยสือ (เจียง ไคเช็ค) ซึ่งเป็นการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เดิมพันผิดข้าง ซื้อไพ่ผิดใบ
ปี 1948 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน พรรคเดโมแครต เป็นผู้ป้องกันตำแหน่ง โดยมีโทมัส ดิวอี้ พรรครีพับลิกัน เป็นผู้ท้าชิง ซึ่งมีความนิยมมากกว่าคู่แข่งหลายขุม และก็มีโอกาสที่จะชนะเลือกตั้ง ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

เจียง ไคเช็ค เป็นประธานาธิบดีของรัฐบาลประชาชาติในขณะนั้น และเป็นรัฐบาลระหว่างสงคราม คือสงครามกลางเมือง โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแฮร์รี ทรูแมน
ต่อมาเจียง ไคเช็ค เกิดอาการ “ลู่ไปตามลม” จึงเดิมพันให้ “โทมัส ดิวอี้” ชนะเลือกตั้ง ขนาดส่งคนนำเงินเป็นจำนวนมากไปบริจาคช่วยการหาเสียงแก่ โทมัส ดิวอี้
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งกองเชียร์เดินขบวนประกาศป่าวร้องให้การสนับสนุนโทมัส ดิวอี้
ผลปรากฏว่า “พลิกล็อก” โทมัส ดิวอี้ พ่ายแพ้หมดรูป เจียง ไคเช็ค เสียเงินและเปลืองตัว

ทว่า แฮร์รี ทรูแมน ป้องกันตำแหน่งได้สำเร็จ
ก็เพราะการเดิมพันผิดพลาด เจียง ไคเช็ค จึงมิได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแฮร์รี ทรูแมน
ในที่สุด เจียง ไคเช็ค ได้ลี้ภัยการเมืองไปที่เกาะไต้หวันเนื่องจากแพ้สงครามกลางเมือง
เป็นบทเรียนราคาแพงอันเกิดจากไร้จุดยืนทางการเมือง

72 ปีผ่านไป “ฉ้าย อิงเหวิน” ย้ำรอย “เจียง ไคเช็ค”
มีข่าวว่า ฉ้าย อิงเหวิน ก็มีเดิมพันทรัมป์เช่นกัน แต่เธอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ในทางตรรกะ การที่เอาชะตาชีวิตไปผูกติดกับผู้สมัครรับเลือกตั้งต่างประเทศ เป็นการฉวยโอกาสทางการเมืองที่ไม่คุ้มค่า ความเสี่ยงสูง และเป็นพฤติการณ์ที่ไม่รับผิดชอบต่อประเทศ

เพราะเป็นการเอาประเทศเป็นเดิมพัน
อย่างไรก็ตาม แม้ไบเดนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
แต่เชื่อว่านโยบายที่มีต่อไต้หวันคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่
หากเป็นประเด็นปลีกย่อยตามสมควรแก่เหตุ
แม้แพลตฟอร์มการเมืองของพรรคเดโมแครตได้ตัดคำว่า “จีนเดียว” ก็ตาม
แต่มิได้หมายความว่า ปัญหาไต้หวันได้เจริญรอยโดนัลด์ ทรัมป์ เต็มตามอินวอยซ์

วันนี้ ปัญหาที่ใหญ่สุดของไต้หวันคือ กำลังเผชิญประเด็นสองฝั่งช่องแคบ เกิดการพลิกผันไปมาโดยตลอดเวลา 4 ปี นอกจากความเชื่อถือซึ่งกันสูญสิ้น บรรยากาศนับวันเลวร้าย
บทบาทการเป็น “เบี้ยสหรัฐ” ของไต้หวันอันเกี่ยวกับต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่นั้น เด่นชัดและถลำเข้าไปมากจนยากแก่การถอนตัว พื้นที่จะกลับตัวแทบไม่มี
ท่ามกลางภาวะล่อแหลม ถ้ารัฐบาลฉ้าย อิงเหวิน ยังเหิมเกริมเหมือนอดีต เชื่อว่าได้ไม่คุ้มเสีย

ถ้าหากจะปรับสัมพันธ์กับ “ค่ายไบเดน” คงมิใช่เรื่องง่าย และดูไม่มีราคา
เพราะเสมือนกิ่งไม้ไหวอ่อนตามสายลม เสมือนจิ้งจกเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อม

จึงเห็นว่า การปรับความสัมพันธ์ของสองฝั่งช่องแคบระหว่างจีนไต้หวันและแผ่นดินใหญ่

น่าจะเป็นปฏิบัติการที่เหมาะสมกว่าและได้ประโยชน์มากกว่า

ต้องไม่ลืมว่า คนจีนไต้หวัน คนจีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ไม่ว่าเกิดจากภาคไหนของสองฝั่งช่องแคบก็จีนด้วยกัน เลือดทุกหยดคือเลือดจีน

รักกันไว้เถิด..

โดย : ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image