คุณภาพคือความอยู่รอด : น้ำมันลดฝุ่น

คุณภาพคือความอยู่รอด : น้ำมันลดฝุ่น

คุณภาพคือความอยู่รอด : น้ำมันลดฝุ่น

เมื่อวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมานี้ ผมได้เป็น “ผู้สังเกตการณ์” ในคณะผู้ตรวจประเมินของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในการตรวจประเมินเพื่อต่ออายุ “ใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว” ระดับ 5 (ระดับสูงสุด หรือ ระดับ “เครือข่ายสีเขียว”) ให้แก่ โรงงาน บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่เขตพระโขนง กทม. ซึ่งเป็นโรงงานที่ประกอบกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม

กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ริเริ่ม “โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว” (Green Industry) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 โดยชักชวนโรงงานทั่วประเทศให้เข้าร่วมโครงการตาม “ความสมัครใจ” เพื่อประเมินถึง “ศักยภาพ” และ “ความพร้อม” ของโรงงานในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ผลเกินคาด

“Green Industry (GI)” หรือ “อุตสาหกรรมสีเขียว” หมายถึง “อุตสาหกรรมที่ยึดมั่นในการปรับปรุงกระบวนการผลิต และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับยึดมั่นในการประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

Advertisement

ข้อดีของการเข้าร่วมโครงการนี้ ก็คือ การพัฒนาองค์กรด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยพัฒนาการเป็นระดับๆ จากง่ายไปยาก เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ระดับของการพัฒนาเพื่อขอ “ใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว” จากกระทรวงอุตสาหกรรม จะมีด้วยกัน 5 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 “ความมุ่งมั่นสีเขียว” (Green Commitment) ระดับที่ 2 “ปฏิบัติการสีเขียว” (Green Activity) ระดับที่ 3 “ระบบสีเขียว” (Green System) ระดับที่ 4 “วัฒนธรรมสีเขียว” (Green Culture) และ ระดับที่ 5 “เครือข่ายสีเขียว” (Green Network)

ระดับต่างๆ ทั้ง 5 ระดับนี้ สามารถใช้เพื่อการโฆษณาการประชาสัมพันธ์ได้ด้วย โดยสามารถนำใบรับรองไปปิดประกาศหน้าโรงงานหรือตั้งโชว์โล่เกียรติยศในสำนักงาน และตีพิมพ์ “สัญลักษณ์ GI” บนหีบห่อหรือตัวสินค้าก็ได้

Advertisement

กรณีของโรงกลั่นน้ำมันบางจากนี้ นอกจากจะได้ใบรับรองในระดับที่สูงสุดแล้ว (ระดับที่ 5) ผู้บริหารยังได้พัฒนา “ผลิตภัณฑ์ที่รับผิดชอบต่อสังคม” ควบคู่ไปด้วย โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “น้ำมันลดฝุ่น”

ด้วยแนวความคิดในความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงต้องถือว่า “บางจาก” เป็นองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ด้านพลังงาน ที่มีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทย เพราะให้ความสำคัญต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดระยะเวลา 36 ปีของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2563 บางจากฯ ได้ปรับคุณภาพด้วยการยกระดับน้ำมันดีเซลทุกชนิดให้เป็น “มาตรฐาน EURO 5” ที่มีค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน (PPM) และค่ากำมะถันลดลงกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับ “EURO 4” ซึ่งจะช่วยลดมลภาวะฝุ่นควันและฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยจัดจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากในกรุงเทพมหานครในราคาเท่าเดิม (ทั้งๆ ที่มีต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น)

ทุกวันนี้ น้ำมันดีเซลทุกชนิดของบางจากฯ จึงมีมาตรฐาน EURO 5 และช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งดีต่อผู้ใช้และดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย จึงเป็น “น้ำมันลดฝุ่น” (น้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ ซึ่งมีค่ากำมะถันต่ำกว่าที่ภาครัฐกำหนดไว้ถึง 5 เท่า) ที่สนับสนุนการดำเนินการของ “ศูนย์แก้ไขและบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองที่เป็นภัยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน” และคืนกำไรสู่สังคม

สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่กระจายตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ ครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัดในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกันอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเราทุกคนให้สูงขึ้น ครับผม !

วิฑูรย์ สิมะโชคดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image