ภาพเก่าเล่าตำนาน : สาวฝรั่งเศส…ในอ้อมกอดทหารนาซี โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

การมอบกาย พลีร่าง ของสตรีฝรั่งเศส…ปรนเปรอ บำเรอสุขให้ทหารนาซีเยอรมันในเวลานั้น…ไม่ว่าจะเต็มใจ หรือฝืนใจ ….คือ วิธีเดียว ที่จะทำให้พวกเธอรอดตาย..มีอาหารเพื่อนำไปดูแลลูกๆ

เมื่ออ่านประวัติศาสตร์สงครามตอนนี้แล้ว.. ท่านผู้อ่านจะชิงชัง รังเกียจสงคราม…มนุษย์ประเภทหนึ่ง จะกลายเป็น “สัตว์นรก” ในยามสงคราม

นี่เป็นประวัติศาสตร์ “ช่วงหนึ่ง” ที่น่าขยะแขยง ชาวฝรั่งเศสเจ้าของประเทศเอง บันทึกเรื่องราวอันเลวร้ายเอาไว้ มีข้อมูล หลักฐานดาษดื่น มีภาพถ่ายปรากฏตัวตนของผู้อยู่ในเหตุการณ์ บางคนยังมีชีวิตอยู่…

ผู้เขียนขอแปล เรียบเรียงมาบอกกล่าว เพื่อการศึกษา และขอให้เรื่องราวตรงนี้ ล้มหายตายจากไป…ชั่วนิรันดร์

Advertisement

ภาพเก่า..เล่าตำนาน… ขอย้อนสถานการณ์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาที่กองทัพนาซีเยอรมันอันเกรียงไกร บุกยึด ครอบครองดินแดนฝรั่งเศส สตรีฝรั่งเศสนับล้านคนต้องกลายเป็นหญิงบริการ บางส่วนต้องเป็นโสเภณี…เป็นทาสอารมณ์ของทหารเยอรมัน

ชาวยุโรป…มีมากมายหลายเผ่าพันธุ์ นับร้อย นับพันปีที่ผ่านมา ชนเผ่าต่างๆ รบราฆ่าฟันกัน แย่งชิงกันเป็นใหญ่ แสวงหาดินแดน ยกทัพไป “ปล้น” ผนวกเอาดินแดน แย่งทรัพยากร ค้าขายกัน เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แต่ก็มีการพัฒนาบ้านเมืองไม่หยุด…

ชาวโรมัน เป็นเทพเจ้าแห่งงานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม

Advertisement

ชาวยุโรป…ไม่เคยเหนื่อยล้าที่จะฆ่ากัน แผ่นดินไม่เคยสงบ รบกันทางบก ทางเรือ ตายเป็นล้านคน อพยพย้ายถิ่นฐานไป-มา …บางช่วง ทำสงครามกันจนอ่อนล้า ก็คิดหาทางจะสงบศึก อยู่ด้วยกันแบบ “สันติ”

สมเด็จพระราชินี มาเรีย เทเรซา (Maria Theresia von sterreich) แห่งฮังการีและโบฮีเมีย เป็นจักรพรรดินีแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นประมุขแห่งออสเตรีย ฮังการี โบฮีเมีย โครเอเชีย และสลาโวเนีย

พระนางมียุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยได้ส่งพระราชธิดาทั้ง 11 องค์ ไปอภิเษกกับเจ้าชายต่างๆ ทั่วยุโรป จึงได้ชื่อว่า “แม่ยายของยุโรป”

เมื่อเป็นลูกเขย ลูกสะใภ้ นับญาติกัน..ก็พอจะปรองดอง..อยู่กันได้

ชาวยุโรป…พื้นฐานเป็นคนเก่ง มีทักษะ รักการผจญภัย รักการศึกษา แสวงหาความรู้ ประดิษฐ์ คิดค้น นำหน้ามนุษย์ในดินแดนอื่นๆ มาโดยตลอด

28 กรกฎาคม 2457 สงครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้น แบ่งข้าง จับขั้วกันในทวีปยุโรป นำกำลังทหารราว 70 ล้านคน เข้าสู่สงคราม

เยอรมนี+ออสเตรีย-ฮังการี+อิตาลี..ทำสงครามกับ ฝรั่งเศส+รัสเซีย+อังกฤษ

รบกันแหลกลาญไปพักใหญ่….มหาอำนาจอเมริกาอยู่ห่างออกไปที่แสนร่ำรวย …ได้รับการร้องขอให้ส่งทหารไปช่วยฝ่ายอังกฤษ…ในที่สุด ทหารอเมริกัน พระเอกตัวจริง ทำให้สงครามพลิกโฉม…

11 พฤศจิกายน 2461 สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง เยอรมันเป็นฝ่ายแพ้สงคราม (การเมืองในประเทศเยอรมันหักหลังกันเอง)

ฝรั่งเศส คือ ฝ่ายชนะ กวักมือเรียกผู้นำทหารเยอรมันมาลงนามสงบศึก-หยุดยิง บนโบกี้รถไฟ ในป่ากองเปียญ ของฝรั่งเศส

หลังจากนั้น…28 มิถุนายน 2462 มาร่วมลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ในปารีส อย่างเป็นทางการ….

เยอรมัน…ผู้แพ้ ต้องยอมรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว กองทัพเยอรมันถูกปลดอาวุธ ถูกจำกัดอาณาเขตดินแดน ต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่กลุ่มประเทศฝ่ายชนะ

เมื่อปี พ.ศ.2464 ประเมินว่า….มูลค่าของค่าปฏิกรรมสงครามที่เยอรมันจะต้องจ่ายนั้นสูงถึง 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เงินก้อนนี้…เยอรมันต้องใช้เวลาชำระหนี้จนถึง พ.ศ.2531

การชำระค่าปฏิกรรมสงครามนัดสุดท้ายมีขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2553

สงครามยุติ …เกิดความเปลี่ยนแปลง เกิดการรวมชาติใหม่-เก่า ยุโรปไม่เหมือนเดิม แต่ที่แน่ๆ คือ เยอรมันต้องหาเงินใช้หนี้เลือดตากระเด็น…

ชาวเยอรมันลำบากตรากตรำ ต้องสร้างชาติขึ้นมาใหม่ การเมืองในชาติล้มลุกคลุกคลาน…แต่ชนชาติเยอรมัน เป็นยอดมนุษย์….

ในยามที่ชาวเยอรมัน ผมสีทอง ตาสีฟ้า ลำบากแสนสาหัส ยังถูก “ชาวยิว” ที่เก่งฉกาจเรื่องการค้า การเงิน การธนาคาร โขกสับ…

ชาวยิวค่อนข้าง “ใจดำ-อำมหิต” เรื่องเงินๆ ทองๆ กับชาวเยอรมัน

ชาวเยอรมันแค้นฝังหุ่น…หาทางจะ “เอาคืน” ให้จงได้

อดีตทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 นามว่า ฮิตเลอร์ กระโดดเข้าสู่ถนนการเมือง ขึ้นปราศรัยที่ใด ประกาศจะนำชนชาติเยอรมันสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้โลกสะท้าน

…วาทกรรมของฮิตเลอร์ โดนๆๆๆ ใจประชาชน แบบสนั่นหวั่นไหว ฮิตเลอร์ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด…ฮิตเลอร์ทำได้จริงตามที่พูด

สัญญาต้องเป็นสัญญา….ประชาชนเยอรมันรอคอยที่จะ “เอาคืน”

สงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้นด้วยแรงพยาบาทของชนชาติเยอรมันที่ถูกกดขี่ เอาเปรียบ ทำงานหนัก โคตรเก่ง มีนวัตกรรมล้ำหน้าเสมอ…

1 กันยายน 2482 กองทัพรถถังอันเกรียงไกรของกองทัพบกเยอรมัน ราว 2,400 คัน จาก 6 กองพล ติดอาวุธ ติดเครื่องยนต์ แล้วพุ่งทะยานบุกเข้าโปแลนด์ แบบสายฟ้าแลบ สนับสนุนโดยกองทัพอากาศ

ราว 3 สัปดาห์ …ทหารนาซีเยอรมัน ทะลุ ทะลวง บุกกวาดล้างทุกเมือง ชนะทุกสมรภูมิ ไร้คู่ต่อสู้…กองทัพเยอรมันไม่มีเกียร์ถอยหลัง….รุกต่อไปอีกหลายประเทศ…

และแล้ว…กองทัพรถถังเยอรมันที่ทรงพลังที่สุดในโลก ก็มาจ่อที่เขตแดน “ศัตรูเก่า” ….ฝรั่งเศส

10 พฤษภาคม 2483 กองทัพเยอรมัน ยาตราทัพพุ่งเข้าดินแดนฝรั่งเศสตอนเหนือ รถถัง ทหารราบ ปืนใหญ่ อากาศยาน บดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้า

ฮิตเลอร์….ผู้นำสูงสุดที่ชาวเยอรมัน “ศรัทธา” เกลียดฝรั่งเศสแบบเข้าไปในกระดูกดำ ขอเช็กบิล เอาคืนกับฝรั่งเศส ขอล้างอาย ขอสร้างบาดแผลต่อชนชาติฝรั่งเศส….

กองทัพฝรั่งเศสกลายเป็น “ของเด็กเล่น” แหลกเป็นจุณ

ท็อปบู๊ตทหารเยอรมันประทับลงบนแผ่นดินฝรั่งเศสแบบ “ผู้ชนะ”

ฮิตเลอร์สั่งให้แม่ทัพฝรั่งเศสไปหา “ตู้รถไฟ” ตู้นั้น ที่เคยบังคับให้เยอรมันมาลงนามในฐานะผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 (เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2461)

คราวนี้ สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสเป็นผู้แพ้ แกต้องไปเอาตู้รถไฟมาตั้งที่เดิม..จัดพิธีให้เหมือนเดิม…ขอล้างอาย สางแค้นให้ลูกหลานเยอรมัน

22 มิถุนายน 2483 เยอรมันผู้ชนะ ลงนามกับรัฐบาลฝรั่งเศสผู้ปราชัยย่อยยับ ในตราสารสงบศึก บนตู้รถไฟ ที่ป่ากงเปียญ

ผู้ชนะสงคราม ประสงค์สิ่งใด…ต้องได้สิ่งนั้น…

23 มิถุนายน 2483 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และคณะนายทหารนาซีผู้ชนะมาเดินประทับรอยเท้าในกรุงปารีส….. 1 วันหลังลงนามสงบศึกกับฝรั่งเศส

ผลของสงคราม มีแค่ชนะ หรือ แพ้ เท่านั้น….

ความเลวร้ายของสงคราม…ผู้ที่ต้องรับกรรม คือ ประชาชน

ชาวฝรั่งเศสนับล้านอพยพหนีสงคราม บ้านเมืองพินาศย่อยยับ

ประวัติศาสตร์ของชนชาติฝรั่งเศส ยิ่งใหญ่ เป็นมหาอำนาจเบอร์ต้นๆ ของสังคมโลก เป็นอารยชน เก่ง เฉลียวฉลาด รุ่งเรือง วิทยาการก้าวล้ำ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ดนตรี กีฬา อาหาร เหล้า ไวน์ เก่งไปหมด… บ้านเมืองสวยงาม โอ่อ่า สง่างาม

ฝรั่งเศส คือ ชาติแรกในโลกที่ตั้งโรงเรียนผลิตแพทย์….

ทหาร ประชาชนชาวฝรั่งเศสจำนวนมหาศาลถูกจับเป็นเชลย

หากแต่….ชาวฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่ง “ขอสวามิภักดิ์” เข้าร่วมกับกองทัพนาซี คนกลุ่มนี้ “ขอเอาตัวรอด”

กองทหารนาซีเยอรมันนับหมื่นนายที่ยึดครองฝรั่งเศส ชื่นมื่น กินอิ่ม นอนอุ่น ได้เสพสุข ใน “เมืองขึ้น” ที่แสนจะมีเสน่ห์

เหยื่อของสงครามที่เป็น “ของขวัญ” คือ สาวฝรั่งเศส

ขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านนะครับ ผู้เขียนมิได้ เห็นดี เห็นงาม กับเรื่องราวทำนองนี้ หากแต่บริบทของสงคราม…อารมณ์ของผู้ชนะ ที่เหนือกว่าผู้แพ้ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด นี่เป็น “สัจธรรม” ของสงคราม เป็นสันดานดิบของมนุษย์แต่ไหนแต่ไร….

เยอรมันเข้าปกครองฝรั่งเศส ยังอนุญาตให้ชาวฝรั่งเศสดำเนินชีวิตต่อไป (เกือบ) เป็นปกติ ชาวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่ง ตั้ง “กลุ่มใต้ดิน” เพื่อต่อต้าน อดีตผู้นำฝรั่งเศสหนีไปจัดตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น”

ทหารเยอรมันหน่วยที่เข้ายึดครองฝรั่งเศสถือว่า “โชคดี” กว่าทหารหน่วยอื่นนับแสนนาย ที่ต้องไปหนาวตายในสมรภูมิโซเวียต

หน่วยทหาร SS จอมโหดของฮิตเลอร์ ไล่ล่า ตามล้างตามเช็ดชาวฝรั่งเศสที่เคยรังแก-ขูดรีดเยอรมัน รวมทั้ง “ตามเก็บ” ชาวยิวหน้าเลือดในฝรั่งเศส…หนีไปไหน ก็ตามไปทั่วยุโรป

ลูกน้องฮิตเลอร์โหดครับ….แรงอาฆาต พยาบาท ล้วนๆ

สภาวะจำยอม…ที่น่าเห็นใจที่สุด คือ ผู้หญิง….

ปารีส เป็นเมืองของผู้หญิงสวยที่ทหารนาซีจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองผ่านไป…..สตรีฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อย ต้องเอาตัวรอด “แปรพักตร์” ทำงานให้ทหารนาซีเยอรมัน โดยเฉพาะงานบริการ รวมถึงเป็นโสเภณี สำหรับทหารเยอรมัน

ชาวฝรั่งเศส กลุ่มที่หนีไปตั้ง “กองกำลังใต้ดิน” เพื่อสู้กับเยอรมัน โกรธแค้นโดยเฉพาะผู้หญิงจำนวนมาก ที่ไม่แยแสขอไปเป็น “คู่นอน” ของนาซี

ทหารเยอรมัน สรวลเสเฮฮาไปกับไลฟ์สไตล์ของคนฝรั่งเศส โดยเฉพาะในปารีส การแสดงคาบาเรต์ คอนเสิร์ตงานบันเทิงเริงรมย์ทั้งปวง จะมีสาวฝรั่งเศสเป็นพริตตี้ประดับในงานอย่างมีสีสัน

ก็ใช่ว่าสตรีฝรั่งเศสทั้งหมดจะ “ปล่อยตัว-ปล่อยใจ” ไปกับทหารนาซี.. บางส่วนก็ “หาข่าว” เกาะชิดติดแนบกายกับแหล่งข่าว…ได้ข่าวกรองชั้น “ลับมาก” เป็นภารกิจเพื่อชาติมาด้วย ก็มีไม่น้อย…

สงครามดำเนินต่อไป…ทหารนาซีในฝรั่งเศสมีความสุขที่สุด

ธันวาคม 2484 พระเอกตัวจริง คือ อเมริกัน ถูกดึงเข้ามาสู่สงครามโลกครั้งที่ 2

นาซีเยอรมัน เริ่มอ่อนล้า สูญเสียอย่างหนักเพราะฮิตเลอร์ไปเปิดแนวรบบุกรัสเซียแบบ ดื้อรั้น…ไม่ฟังเสียงทัดทานจากฝ่ายเสนาธิการ

กองทัพสัมพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะ “กวาดล้างเยอรมันในยุโรป”

6 สิงหาคม 2487 นายพลไอเซ็นฮาวร์ ของสหรัฐสั่งทหารสัมพันธมิตรนับแสนนาย…“ยกพลขึ้นบก” ที่เรียกกันว่า D-Day ณ ชายหาดนอร์มังดี ฝรั่งเศส

กองทัพนาซีเริ่มถอย ทหารสัมพันธมิตรรุกเข้าสู่ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรก ทหารเยอรมันล่าถอยออกจากฝรั่งเศส….ฝรั่งเศสถูกปลดปล่อยจากเยอรมัน

ประชาชนชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่ง ที่เจ็บแค้น เจ็บใจกับการกระทำของสตรีฝรั่งเศส ที่ไปเป็นนางบำเรอให้ทหารนาซี…ขอเช็กบิล ล้างแค้น….

หญิงฝรั่งเศสทั้งหลาย รู้ตัวดีว่า…นรกมาเยือน พากันหลบหนี

กองกำลังพันธมิตรและกลุ่มฝรั่งเศสใต้ดิน ออกกวาดล้างเยอรมันที่หลบซ่อน และเพื่อปลดปล่อยเมืองและหมู่บ้านต่างๆ

การลงโทษ ล้างแค้นผู้หญิงที่เคยแปรพักตร์….ก็เริ่มขึ้นคู่ขนานกันไป

ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่า “นอนกับศัตรู” จะถูกจับ ถูกทำร้าย บางรายถูกถอดเสื้อผ้า….เปลือยครึ่งตัวทาด้วยน้ำมันดิน แล้วแห่ไปตามชุมชนต่างๆ ถูกล้อเลียน ถูกขว้างด้วยก้อนหิน ถูกเตะ ถูกทุบตี ถ่มน้ำลายและบางรายก็ถูกฆ่าทิ้ง

ผู้หญิงฝรั่งเศสนับหมื่น นับแสนคน ถูกไล่ล่า ถูกใส่ความ….

สตรีฝรั่งเศสที่ตกเป็นเหยื่อ ก็ใช่ว่าจะร่านสวาทไปหมด หลายคนเป็นแม่ลูกอ่อน…บางรายสามีของเธออยู่ในค่ายเชลยศึกเยอรมัน

เธอต้องยังชีพ เธอต้องทำเพื่ออยู่รอด….

ระหว่างที่ชาวฝรั่งเศสชำระแค้นกันเอง มีการถ่ายภาพเก็บไว้ประจานต่อเนื่อง นำมาแสดงต่อสาธารณชนตลอดมา โดยเฉพาะวัน D-Day

มีภาพถ่ายจำนวนมาก…ผู้หญิง

คือ เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

การลงโทษแบบป่าเถื่อน เป็นเรื่องที่สังคมจัดการล้างแค้นกันเอง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 6,000 คน รวมถึงการลอบสังหาร เหยื่อทั้งหมด คือ ผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าคบหากับศัตรู

สงครามกับนาซีจบลงไปแล้ว…หากแต่นี่ คือบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นในสังคมชาวฝรั่งเศสที่สางแค้นกันเอง….

ผู้หญิงฝรั่งเศสอย่างน้อย 20,000 คน ถูกจับโกนหัว ประจานระหว่างปี 2487 ถึง 2488

ผู้หญิงบางคนถูกข่มขืน บางคนตกเป็นเป้าหมายของการแก้แค้นส่วนตัว ถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ที่ตัดสินกันเอง

ประวัติศาสตร์ช่วงเวลานั้น ชาวฝรั่งเศสเองก็ยอมรับว่าขมขื่น เพราะบางรายก็ถูกใส่ร้าย หรือบางคนก็เพียงแค่ทำมาหากินตามปกติกับทหารนาซี

เรื่องที่ถูกนำมาเปิดเผย…คือ ส่วนใหญ่มีสามีเป็นเชลยศึก สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวบางครั้งการนอนกับชาวเยอรมันเป็นวิธีเดียวที่จะได้รับอาหารสำหรับลูกที่อดอยาก

มีข้อมูลที่ยืนยันภายหลังว่า …“แม้จะมีชายชาวฝรั่งเศสมากกว่า 2 ล้านคน ถูกคุมขังในค่ายเชลยศึก แต่ พ.ศ.2485 อัตราการเกิดของทารกในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น โดยมีเด็กประมาณ 200,000 คน ที่เกิดจากคู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศส-เยอรมัน…”

“… .มากกว่าร้อยละ 30 เป็นการเกิดนอกกฎหมาย..นอกกรุงปารีส…”

ยังมีเหตุการณ์ทำนองนี้อีกหลายแห่งในโลก..จะขอนำมาเล่าอีกในโอกาสต่อไปครับ….

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image