เดินหน้าชน : สู้วิกฤตปีฉลู โดย นายด่าน

ผ่านพ้นเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ 2564 มาแล้วท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง แม้บรรยากาศอาจไม่คึกคักเฉกเช่นในสถานการณ์ปกติ แต่ทุกคนก็เข้าใจถึงมาตรการของภาครัฐที่ต้องป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด

ปีที่ผ่านมาทั่วโลก รวมทั้งบ้านเราต้องเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด ที่ส่งผลกระทบอย่างมากกับการชัตดาวน์เศรษฐกิจผู้คนตกงานมากมาย บริษัทต้องปิดกิจการ

ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน เรื่องของ “โควิด-19” ยังจะเป็นวิกฤตที่ต้องเผชิญ ยังไว้วางใจและประมาทไม่ได้ แม้จะมีวัคซีนออกมา และตามที่ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ออกมาคอนเฟิร์มว่า 2 ล้านโดสแรกจะทยอยถึงไทยราวเดือนกุมภาพันธ์นี้

ตามข้อสั่งการ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ให้เร่งจัดหา พร้อมให้คำมั่นว่าในปีนี้คนไทย 50% หรือ 30 กว่าล้านคน จะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19

Advertisement

เรื่องของวัคซีนเป็นอีกส่วนที่จะป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่การปราบปรามต้นตอการระบาดระลอกสอง เป็นอีกส่วนที่ต้องอาศัยการเอาจริงเอาจังของภาครัฐ

ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ คือ “บ่อนการพนัน” ต้นตอใหญ่ของการระบาด ทั้งในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด

การสั่งเด้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองและชลบุรี ของ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง คงไม่พียงพอ

Advertisement

แต่ต้องมีการปราบปรามกันอย่างจริงจังในพื้นที่ที่ยังปล่อยให้ลักลอบเปิดบ่อน เล่นพนัน

โดยเฉพาะการจัดการกับ “กลุ่มนายทุนใหญ่เจ้าของบ่อน” ที่เชื่อมโยงนักการเมือง

ทั้งนี้ แม้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ออกชี้แจงถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มีทั้งแรงงานเถื่อนและบ่อนการพนัน ว่า “ทำอยู่ตลอด”

แต่การพบต้นตอระบาดของไวรัสโควิดที่มาจากบ่อนพนัน และแรงงานเถื่อน เป็นคำตอบอยู่แล้วว่าการปราบปรามได้ผล หรือ “ล้มเหลว”

อีกเรื่องที่น่าห่วง ไม่แพ้โควิด คือ ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ มีการประเมินตัวเลขออกมาแล้ว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติว่า เศรษฐกิจไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ที่ยังมีความไม่ส่งผลต่ออุปสงค์ต่างประเทศทั้งการส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 9 ล้านคนในปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.6

แบงก์ชาติประเมินว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองปีก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ระดับก่อนแพร่ระบาด

ส่วนปัญหาการว่างงานที่สะสมอยู่ 2.9 ล้านคน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

แต่ก็มีการส่งสัญญาณเตือนจากภาคเอกชนในกลุ่มของบัณฑิตจบใหม่

จากข้อมูลของ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) ประเมินว่า แรงงานใหม่เสี่ยงตกงานสะสมจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาในระบบอีกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประมาณ 5 แสนคน จะส่งผลให้เมื่อรวมกับนักศึกษาที่จบไปแล้วปี 2563 แต่ยังไม่มีงานทำประมาณเกือบ 4 แสนคน หรือมียอดสะสมประมาณ 9 แสนคน

คงเป็นอีกปีที่ยังต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image