บทนำ : ปัญหาจากนโยบาย
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เผยว่า สมาคมได้ทำหนังสือให้รัฐบาลผ่อนปรนให้ร้านอาหารเปิดให้นั่งรับประทานได้ถึงเวลา 23.00 น. ยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล แต่จากการหารือกับ นายกลินท์ สารสิน แห่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่าสาธารณสุขพิจารณาความเหมาะสมที่เวลา 22.00 น. จากที่ขอ 23.00 น. ซึ่งสมาคมมองว่าหากร้านที่ยังไม่ได้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถเปิดได้ถึง 22.00 น. ก็ถือว่าเป็นเวลาที่ดีขึ้น เพราะร้านอาหารจะสามารถขายได้มากขึ้น แต่ความจริงแล้วมองว่าหากสามารถเปิดได้ถึง 23.00 น. ตามที่ยื่นเสนอไป จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็กมาก ตามถนนต่างๆ หรือสตรีทฟู้ด เพราะบางร้านเปิด 17.00-18.00 น. ทำให้ขายได้เพียง 3-4 ชั่วโมง ก็ต้องปิดร้าน
นายกสมาคมภัตตาคารไทยยังชี้ว่า การให้นั่งกิน 3 ทุ่ม ไม่เอื้อกลุ่มหาเช้ากินค่ำที่ขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้มโต้รุ่งต่างๆ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ควรได้รับความช่วยเหลือ เพราะรายได้แบบวันต่อวัน กรุงเทพมหานครจะต้องเอื้อให้คนกลุ่มนี้มากขึ้น ขณะนี้เปิดขายได้เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น รายได้น้อยจริงๆ รวมถึงพบปัญหาร้านอาหารให้นั่งกินถึง 3 ทุ่ม จากนั้นยังเปิดขายได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่ให้นั่งที่ร้าน แต่เนื่องจากขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าถึง 3 ทุ่มแล้วปิดทันที จึงตัดปัญหาไม่มาซื้อหรือใช้บริการ สภาพเช่นนี้ หากปล่อยไปผลกระทบจะเชื่อมโยงลุกลามเป็นห่วงโซ่ ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้สตรีทฟู้ด ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครทำให้เห็นร้านอาหารสตรีทฟู้ดจำนวนมากในกรุงเทพฯ แต่เมื่อเกิดการระบาด กลับยังไม่มีการเยียวยาจากรัฐบาลลงมาสู่กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้
ยังมีข้อมูลอีกหลายแง่มุมที่สะท้อนมาจากนายกสมาคมภัตตาคารไทย อันเป็นสภาพความเป็นจริงอันซับซ้อนของสังคมเมืองหลวง รัฐบาลน่าจะเร่งพิจารณาหาทางผ่อนปรน เพื่อสกัดผลกระทบที่กำลังแพร่กระจายออกไป แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะลดความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการระบาด การทำมาหากินของประชาชนทุกระดับ ควรดำเนินไปพร้อมกับการระมัดระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและภาคราชการ น่าจะดำเนินการได้ไม่ยาก
