สถานีคิดเลขที่12 : ละไว้ในฐานที่เข้าใจ โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

มุขไม่ขำแต่เป็นตลกร้ายของคณะรัฐประหารเมียนมา คือคำเตือนสื่อมวลชนว่า ห้ามเรียกรัฐบาลที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจว่า “รัฐบาลรัฐประหาร”

แถลงการณ์กระทรวงการสื่อสารแห่งเมียนมาระบุว่า การเรียกรัฐบาลรัฐประหาร ถือเป็นการผิดจรรยาบรรณสื่อสารมวลชน และถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ยังจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา หรือถูกถอนใบอนุญาตสื่ออีกด้วย

โอ้โห..จัดหนักขนาดนี้ แสดงว่าคำๆ นี้มันเสียดแทงใจเหลือเกิน ถึงขั้นห้ามพูดให้ได้ยิน ห้ามเขียนให้ได้เห็น

คนจำนวนมากได้แต่ตั้งคำถามว่า รัฐบาลกองทัพไม่อยากได้ยินคำว่ารัฐประหาร แต่ทำไมยังทำ? พูดไม่ได้แต่ทำได้อย่างนั้นหรือ

Advertisement

ถ้าดูตัวอย่างเปรียบเทียบกับไทยจะเห็นได้ว่า คณะรัฐประหารมีวิธีเลี่ยงถูกเรียกชื่อตรงๆ แบบนี้ ด้วยการตั้งชื่อใหม่ขึ้นมา และมีชื่อย่อให้เรียกง่ายๆ ด้วย เช่น รสช. คมช. คสช. เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาสื่อมวลชนต่างประเทศรายงานถึงก็ต้องใช้คำว่า รัฐบาลทหาร หรือ รัฐบาลจากการรัฐประหารอยู่ดี เพราะความเป็นจริงเป็นเช่นนั้น

มีหลายๆ เรื่องที่เป็นจริง แต่รัฐบาลมักไม่ต้องการให้พูดถึง

เมืองไทยสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งแล้วเป็นเมืองท่องราตรี เที่ยวผับบาร์ และเที่ยวโสเภณี แต่รัฐไม่อยากเห็นคำๆ นี้

พอไม่อยากให้เห็นคำคำนี้ก็เลยไม่อยากเข้าไปจัดการ ไม่อยากให้โสเภณีเป็นอาชีพ เพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่าส่งเสริม

ฉะนั้นคนที่ทำงานนี้จึงจะหลุดออกจากสวัสดิการของรัฐ ต้องไปพึ่งพาการอุปถัมภ์นอกระบบ และเผชิญปัญหาไปตามชะตากรรม ทั้งๆ ที่ก็ทำมาหากินอยู่ในภาคบริการเหมือนกับอาชีพอื่น แต่ต้องอยู่อย่างไม่มีเกียรติและไม่มีสิทธิ บางคนก็เข้าสู่วงจรค้ามนุษย์จนเป็นปัญหายุ่งยากและใหญ่ขึ้นอีก

เรื่องบ่อน หวย หรือการต้มเหล้าในชุมชนก็เช่นกัน ไทยแลนด์พยายามจะบอกว่าไม่ได้อนุญาตให้มี รัฐจะโชว์ผลงานปราบปรามได้เป็นระยะๆ แต่จะไม่เข้าไปแตะที่ต้นตอปัญหา

การไม่พูดเรื่องจริง ไม่มองข้อเท็จจริง และไม่ยอมรับความเป็นจริง จึงเป็นอุปสรรคมากสำหรับการพัฒนาประเทศ

เมื่อใดก็ตามที่สังคมยอมรับว่า ปัญหาที่เราๆ ท่านๆ เคยประสบมา หรือเผชิญอยู่คืออะไร จะทำให้การหาทางแก้ไขง่ายขึ้น

ประเทศที่ยอมรับความจริงได้ดีคือ เยอรมนี หลังจากคนในสังคมยอมรับว่าพลาดไปแล้วที่ปล่อยให้คนอย่างฮิตเลอร์และกองทัพนาซีผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ ทุกวันนี้สังคมชาวเยอรมันก็ไม่ได้คลั่งไคล้เผด็จการอีก ต่อให้มีกลุ่มนีโอนาซีอยู่ ก็ไม่ได้ออกฤทธิ์ได้มากนัก

กลับมาที่ไทยแลนด์ เราเองยอมรับความจริงได้หรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ต้องปรับปรุง หรือต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เราจะมี ส.ว. 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เป็นอุปสรรคกับระบบรัฐสภา

เรารับความจริงหรือไม่ว่าเราอยู่ในสังคมชนชั้นที่ทำให้สวัสดิการของรัฐกลายเป็นการสงเคราะห์คนตกทุกข์ได้ยาก พอมีกลุ่มเยาวชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูป เจ้าหน้าที่รัฐก็จับๆ ขังๆ ตั้งข้อหาร้ายแรง เรามีคนทวงบุญคุณอยู่ตลอดเวลาว่ารัฐประหารแล้วทำให้สังคมสงบเรียบร้อย

ความจริงแบบนี้ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image