| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ผู้หญิงไม่ได้ขวางคลอง
แต่ก่อนถ้าเจอรถที่ขับเงอะๆ งะๆ หรือยึกยักกว่าจะเข้าที่จอดรถได้ หลายๆ คนมักจะพูดว่าคนขับเป็นผู้หญิงหรือเปล่า
วันนี้ คำพูดแบบนี้ดูจะเบาบางลงไป เพราะเห็นๆ อยู่ว่าทักษะการขับรถไม่เกี่ยวกับเพศ และข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไปๆ มาๆ อุบัติเหตุเลือดร้อนก็ออกจะเป็นผู้ชายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่มายาคติเรื่องผู้หญิงมีทักษะน้อยกว่าในการขับขี่ยวดยานก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะประเทศที่ผู้หญิงได้รับโอกาสน้อยกว่า
อย่างกรณีเรือขนส่งสินค้าลำยักษ์ เอเวอร์ กิฟเวน ไปเกยตื้นขวางคลองสุเอซอยู่เกือบสัปดาห์ วันที่ 23-26 มี.ค. และเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ก็มีข่าวปลอมออกมาว่าผู้หญิงเป็นคนขับเรือลำนี้
ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ ชื่อ มาร์วา เอลเซเลห์ดาร์ วัย 29 ปี เป็นกัปตันเรือพาณิชย์หญิงคนแรกของอียิปต์
คุณเธอไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย เพราะไปขับเรืออยู่ไกลจากที่เกิดเหตุหลายร้อยกิโล แต่โดนแกล้งปล่อยข่าว ตัดต่อให้เหมือนว่าออกมาจากเว็บไซต์ข่าวอาหรับนิวส์ จนสะพัดไปทั่วโซเชียล ทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก
ไม่เท่านั้น ยังมีคนแกล้งไปสร้างบัญชีทวิตเตอร์โดยใช้ชื่อกัปตันสาวคนนี้หลายบัญชี แล้วปล่อยข้อมูลทำนองสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือขวางคลองเข้าให้อีก
แต่สิ่งที่ปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้คือความจริง ซึ่งพิสูจน์ได้ไม่ยาก ทั้งข้อมูลและพยานหลักฐานมากมาย
กลายเป็นว่าคุณมาร์วาก็เลยเป็นข่าวดังในฐานะผู้ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอม ซึ่งเมื่อใช้ข้อเท็จจริงหักล้างแล้ว ก็ทำให้เราๆ ท่านๆ ได้ข้อมูลใหม่ว่า ประเทศอียิปต์มีกัปตันเรือพาณิชย์เป็นผู้หญิงสาวและสวยด้วย
กัปตันสาวให้สัมภาษณ์สื่อบีบีซีว่า ที่ตนเองตกเป็นเป้าครั้งนี้เพราะเป็นผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในแวดวงนี้มีน้อยมาก
ข้อมูลจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ทั้งโลกมีผู้หญิงในสายงานเดินเรือไม่ถึงร้อยละ 2
นอกจากนี้สังคมชาวอียิปต์ หรือชาวอาหรับ ไม่ยอมรับความคิดว่าผู้หญิงต้องจากครอบครัวไปเป็นเวลานานๆ อย่างการเดินเรือกลางทะเลแบบนี้
แน่นอนว่าข่าวปลอมนี้ส่งผลกระทบด้านลบต่อกัปตันสาว แต่ด้านบวกก็คือได้กำลังใจจากคนในสังคมมากและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม คุณมาร์วาจึงบอกว่าตั้งใจจะเป็นแบบอย่างให้ผู้หญิงคนอื่นในสายอาชีพนี้ต่อไป
ข่าวนี้ถือว่าจบสวยด้วยข้อเท็จจริง และยังให้แง่คิดอีกมากมาย
ทั้งเรื่องข่าวปลอมที่สังคมช่วยกันตรวจสอบได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยอำนาจอันใหญ่โตของรัฐบาลถือโอกาสเข้ามาทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแบบ
ส่วนแง่มุมด้านสตรี ตัวอย่างนี้เหมือนจะบอกว่า ผู้หญิงยังเสี่ยงเป็นเหยื่อกับมายาคติแบบอนุรักษนิยมอยู่ แต่ความอดทน และยึดมั่นในข้อเท็จจริงจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ฝ่าฟันปัญหาแบบนี้ไปได้
ส่วนคุณผู้ชายที่ก่อปัญหาแบบ “ขวางคลอง” อยู่นั้นก็ควรจะพิจารณาตนเองด้วย
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
