สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ขัน’เติมเงิน

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ขัน’เติมเงิน กรณี “ขันน้ำ” ที่เขียนข้อความ “พล.อ.ประวิตร

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘ขัน’เติมเงิน

กรณี “ขันน้ำ” ที่เขียนข้อความ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และ “สุขสันต์วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย”
ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้กับ ส.ส.เขตนำไปแจกให้ประชาชนในพื้นที่ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
และนำไปสู่ การกระแทกกระทั้นทางการเมือง
จากฝั่งฟาก นายทักษิณ ชินวัตร เจ้าตำรับ “ขัน” และนักการเมืองอื่นๆ

ว่า ทั้งลอกไอเดีย
และเป็นพวก “ว่าแต่เขา…” เคยเล่นใหญ่ไล่เอาผิดคนแจกขันในอดีต ว่าขัดขืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นทางการเมือง
แต่พอถึงตัวเอง กลับสามารถ “แจก” ได้อย่างหน้าตาเฉย

และแถมยังย้อนแย้ง กับสิ่งที่รัฐบาลห้ามไม่ให้ชาวบ้านสาดน้ำ
แต่พรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง พปชร.กลับให้ขันน้ำ
ซึ่งชาวบ้านที่ได้รับคงงงๆ
ให้เอาไว้ตักน้ำลด “หัวตอ” หรือกระไร

Advertisement

แต่ที่ “แดกดัน” หนักหน่อย ก็คงเป็นนาย “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ
ที่โพสต์อินสตาแกรม “…อยู่มา 7 ปี ลุงแจกขันทีนึง 2 ล้านใบ หากอยู่จนครบเทอม คนไทยถือขันกันทั้งประเทศ แล้วใครจะเป็นคนหยอดเงินครับลุง!!”

ตอกลิ่มให้หนักขึ้น ก็คงไม่พ้น นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ข้อความแสดงความเห็นว่า
“…แจกขันน้ำให้กับ ส.ส.ของพรรค ระวังอาจจะถูกแซวว่า แจกอุปกรณ์การขอทานก็ได้นะครับ 5555”

เมื่อ “ขัน” สงกรานต์กลายเป็น ขัน “ขอทาน” ซะอย่างนั้น
ก็พอได้ (ขำ) ขัน เรียกรอยยิ้ม นี้อยู่หรอก
แต่ทำไปทำมา “ขันขอทาน” ชักเป็นมุขตลกร้ายขึ้นไปทุกที
แถมอาจจะเกิดขึ้นจริง ก็ได้–ทำเป็นเล่นไป

Advertisement

โดยเฉพาะหลังจากการกลับมาระบาดหนักอีกรอบ ของไวรัสร้าย “โควิด-19”
ที่อย่างทราบกัน แพทย์บอกว่าการระบาดรอบนี้เป็นเชื้อกลายพันธุ์ คือ พันธุ์อังกฤษที่แพร่เร็ว และมีผลรุนแรง
ทำให้สถานการณ์ส่อเลวร้ายกว่าเดิม

ที่สำคัญระบาดคราวนี้ ทะลวงเข้าไปในองค์กรหลักของชาติ ทั้งทำเนียบ รัฐสภา สถาบัน-หลักสูตรการศึกษาชั้นสูงของประเทศ ที่มากด้วยคอนเน็กชั่น กลุ่มอีลิต แหล่งบันเทิงของเหล่าไฮโซ ผู้มีอันจะกิน
เกิดภาวะโกลาหล ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

เพราะแต่เดิมเคยชี้นิ้วใส่แต่พวกชาวบ้านร้านตลาด แรงงานทั้งไทย และต่างชาติ ว่าไม่มีความรับผิดชอบ การ์ดตก
แต่คราวนี้ เกิดกับศูนย์กลางอำนาจ และกลุ่มคนที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างสมบูรณ์ และไม่ได้มาจากความจำเป็นที่ต้องทำมาหากินแล้วพลาดไปติด อย่างชาวบ้านร้านตลาด

หากแต่ครั้งนี้มาจากการเสพสุขที่เกินเลย และมีช่องทางแพร่ขยายได้อย่างกว้างขวาง
ผลกระทบจึงรุนแรง และไม่ใช่กลุ่มผู้มีอันจะกินเท่านั้น
หากแต่เจอผลกระทบกันถ้วนหน้า

แม้จะมีการสรุปบทเรียนที่จะไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ จะเลือกเฉพาะจุดที่รุนแรง
แต่ก็กินพื้นที่ในเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 41 จังหวัด
ซึ่งก็คงเพิ่มขึ้นอีก

ขณะที่ “วัคซีน” ซึ่งเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ก็ดูไม่ทันการณ์ และนับวันจะก่อความไม่เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่หวังจะเปิดประเทศ จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยใช้ฤกษ์สงกรานต์เป็นจุดเริ่มต้น ก็น่าจะริบหรี่ และสิ้นหวัง

ดังนั้น ที่แดกดันกันเรื่องแจก “ขันไปขอทาน” อาจจะไม่ใช่แค่สงครามน้ำลาย
อาจเกิดขึ้นจริงก็ได้

เพราะเมื่อคนหมดหนทาง ก็ต้อง “แบมือขอ”
อาจจะไม่ดราม่าถึงขนาดต้องไปนั่งตามสะพานลอย
แต่ยื่น “ขัน” ขอเงินยาไส้ มีแน่

รัฐบาลภายใต้การนำของ พปชร. ที่ว่ากันว่าแจกเก่งนั้น

มีเงินพอแจกไหม!?!

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image