บทนำ : ฟังให้รอบด้าน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า วันที่ 16 เมษายน หอการค้าไทยจะส่งหนังสือถือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอเข้าหารือถึงแนวทางที่ภาคเอกชนจะสนับสนุนภาครัฐ และขอให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้ตัวแทนหอการค้าจังหวัดเข้าหารือ หรือแลกเปลี่ยนความเห็นต่อการพิจารณาและร่วมกันแก้วิกฤตโควิด และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้นหากให้รัฐรับฟังข้อเสนอภาคเอกชนก่อนออกมาตรการ ล็อกดาวน์ หรือ ชัตดาวน์ เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่จะมีสถานการณ์และความต้องการที่แตกต่างกันไป
นายสนั่นเสนอว่า ตอนนี้ความเห็นล็อกดาวน์ยังแตกต่างกัน ได้ให้หอการค้าจังหวัดทำข้อเสนอแนะต่างๆ และความต้องการเข้ามา ทั้งเรื่องโควิด มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เป็นต้น เพื่อนำข้อเสนอเหล่านั้นไปหารือ ขณะที่เข้าหารือกับภาครัฐ และในภาคเอกชนหลังสงกรานต์ก็จะประชุมหารือประเมินผลกระทบจากโควิดระบาดรอบ 3 อีกครั้งด้วย อยากให้หน่วยงานรัฐและเอกชน ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และรับฟังเอกชนในการประชุมหารือการออกมาตรการต่างๆ ด้วย เพราะระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเอกชนก็มีความสำคัญ
ทางด้าน นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าพันราย นับเป็นการแพร่ระบาดโควิดระลอกที่ 3 รอบใหม่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมศูนย์การค้าไทย ขอประกาศยกระดับมาตรการการเฝ้าระวังการระบาดของโควิดครั้งนี้ โดยสมาชิกสมาคมทั้งสองแห่งและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการคัดกรองผู้บริโภคเข้าศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ในระดับสูงสุด และประกาศเลื่อนปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเป็นเวลา 21.00 น. ทุกวันพร้อมงดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากรวมถึงการให้พนักงานเวิร์กฟรอมโฮมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ทุกหน่วยงานสามารถควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมศูนย์การค้าไทย จะเป็นผู้นำให้เอกชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้จบเร็วที่สุด
คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวแสดงเจตนาที่พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แต่ก็ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่นี้ ซึ่งเชื่อว่า ณ ขณะนี้ ทุกภาคส่วนพร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยภาครัฐมีทั้งอำนาจ และมีข้อมูลสำหรับดำเนินการ ขณะที่ภาคส่วนอื่นๆ ในสังคมล้วนมีประสบการณ์และมีประสิทธิภาพ ได้ติดตามข่าวสารและข้อมูลทั่วโลก ทุกภาคส่วนจึงมีส่วนในการช่วยเหลือรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสและเลือกเฟ้นเอาข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่มาปฏิบัติ ปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นจากภัยโรคระบาดไปได้ โดยที่ไม่ได้รับความบอบช้ำมากจนเกินไป
