บทนำ : กำหนดอนาคต
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2564 ว่าอยู่ที่ระดับ 87.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ได้แสดงความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 3 ที่มีความรุนแรงมากขึ้น
นายสุพันธุ์ระบุว่า ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือ เร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง, เร่งการฉีดวัคซีน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยของวัคซีน, สนับสนุนให้เอกชนนำเข้าวัคซีนที่ผ่าน อย.แล้ว, ให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ, เร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องล็อกดาวน์ในบางอาชีพบางธุรกิจที่จำเป็น ไม่ออกไปที่ไหนที่ไม่จำเป็น อย่างน้อย 15 วัน แม้การล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ล็อกดาวน์ตอนนี้ การแพร่ระบาดจะรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
น่าสังเกตว่าปกติแล้วภาคเอกชนจะไม่สนับสนุนให้ล็อกดาวน์ เพราะการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ในครั้งนี้หลังจากสถานการณ์การระบาดระลอก 3 มีความรุนแรงมากขึ้น ภาคเอกชนเริ่มมีความเห็นว่าการล็อกดาวน์เฉพาะจุด เฉพาะอาชีพ มีความจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อสกัดไม่ให้เกิดการสูญเสียไปมากกว่านี้ เพราะจวบจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถประเมินสถานการณ์ในอนาคตได้ว่าจะรุนแรงหรือผ่อนคลายลง การดำเนินการทุกอย่างตกอยู่ในความไม่แน่นอน
ในสถานการณ์ที่ไม่รู้อนาคต ทำให้การวางแผนดำเนินการในด้านต่างๆ เป็นปัญหา ข้อเสนอของภาคเอกชนที่เริ่มมองเห็นความจำเป็นของการล็อกดาวน์บางจุดบางอาชีพ จึงเป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ประเทศไทยกำหนดอนาคตได้ว่า จะสามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่นี้ได้โดยใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากรัฐบาลสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ การวางแผนในด้านต่างๆ และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งประเทศช่วยกันผลักดันให้การสกัดกั้นการระบาดเกิดขึ้นตามแผนน่าจะมีประโยชน์กว่าการปล่อยให้แต่ละฝ่ายคาดเดา เกิดข่าวลือแพร่สะพัด เพราะไม่ล่วงรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
