‘อาลีบาบา’ละเมิดกฎหมาย ‘ต่อต้านการผูกขาดตลาด’ รัฐบาลจีนลงโทษปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

การที่สำนักงานควบคุมด้านการตลาดจีนได้สั่งปรับกลุ่มบริษัทอาลีบาบาเป็นเงินจำนวนมหาศาลในข้อหากระทำละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด และ “แจ็ก หม่า” ผู้ก่อตั้ง “อาลีบาบา” ยอมรับโดยดุษฎีเมื่อวันที่ 10 เมษายนนั้น

ก็เพราะสำนักงานมีหลักฐานครบถ้วน เพียงพอต่อการลงโทษ

จึงปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ

“อาลีบาบา” ถูกกล่าวหาและนำสืบได้ว่า ตั้งแต่ปี 2015 ได้อาศัยกลไกการตลาดสนับสนุนแพลตฟอร์มธุรกิจของตน โดยการขอให้ธุรกิจในอาณัติ ต้องขายสินค้าเพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ มิให้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของคู่แข่ง ซึ่งเรียกกันว่า “2 เลือก 1”

Advertisement

ในทำนองเดียวกัน “อาลีบาบา” ยังใช้กลยุทธ์ทางด้านเทคนิค เพื่อธำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของตน ในการช่วงชิงความได้เปรียบทางการตลาดอย่างผิดปกติวิสัย

เป็นพฤติกรรมอันขัดต่อกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด

ดังนั้น สำนักงานจึงมีคำสั่งให้ปรับ “อาลีบาบา” กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซเป็นจำนวนเงิน 1.82 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 8.75 หมื่นล้านบาท)

Advertisement

ทั้งนี้ โดยอาศัยยอดจำหน่ายสินค้าปี 2019 อัตรา 4% เป็นเกณฑ์ในการลงโทษปรับ

การลงโทษปรับในอัตราสูงนั้น ไม่ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด ไม่ว่าผู้บริโภค ล้วนไม่มีความเห็นต่าง เพราะว่าแพลตฟอร์มเศรษฐกิจได้อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่มาดำเนินการทาง

ธุรกิจ อันเป็นการแปรเปลี่ยนระบบตลาดจากประเพณีดั้งเดิม ซึ่งเป็นการลดต้นทุนในการขนส่งและการจัดเก็บสินค้าที่จะนำมาจำหน่าย อันเป็นการสร้างโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถจัดเก็บสินค้าภายในบ้านเพื่อนำไปจำหน่ายต่อไป และเป็นการนำมาซึ่งการเลือกซื้อสินค้าราคาถูกของผู้บริโภคอีกโสตหนึ่ง หากแพลตฟอร์มเศรษฐกิจนำมาซึ่งการผูกขาดตลาด ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิของธุรกิจขนาดเล็กเข้ามาขายสินค้า และเป็นเหตุให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ด้วย

นอกจากนี้ รูปแบบการพัฒนาไม่เสถียร แพลตฟอร์มเศรษฐกิจก็มิอาจเดินหน้าได้

การที่จีนได้ลงโทษ “อาลีบาบา” ในอัตราอันสูงยิ่งนั้น เป็นการอันชอบแล้ว เหตุผลคือ

1 ธำรงไว้ซึ่งระเบียบวินัยด้านการตลาด

1 ช่วยเหลือคู่ค้ารายย่อยอีคอมเมิร์ซให้มีโอกาสขายสินค้า

1 รักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภค

1 แพลตฟอร์มเศรษฐกิจของทุกระดับชั้นได้รับอานิสงส์ และสามารถดำรงอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มอาลีบาบานอกจากมิได้อุทธรณ์คำสั่งปรับ ยังได้ออกจดหมายถึงลูกค้าและสาธารณชน 1 ฉบับ พอสรุปเป็นสังเขปได้ว่า “การลงโทษปรับครั้งนี้ ถือเป็นการแจ้งเตือน เป็นการอันสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีเจตนาพัฒนาธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผน ธำรงไว้ซึ่งบรรยากาศการแข่งขันที่ยุติธรรม และเป็นมาตรการผลักดันการพัฒนาแพลตฟอร์มเศรษฐกิจ”

ดูเหมือนเป็นความจริงใจ ทว่า ลงท้ายจดหมายด้วยข้อความอันระทึกความว่า “พวกเราซาบซึ้งในความเมตตา และในขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยความวิตกจริต (畏懼) ในดวงหทัย”

คำว่า “วิตกจริต” ของกลุ่มอาลีบาบา ย่อมมีความหมายที่ลุ่มลึกยิ่ง

การที่สำนักงานใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาดในครั้งนี้

มิได้เลือกปฏิบัติกับ “อาลีบาบา” เท่านั้น

ตั้งแต่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวเมื่อปี 2008 ได้ทำการลงโทษทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศจำนวนหลายรายด้วยกัน เป็นต้นว่า

เมื่อปี 2014 ได้ลงโทษปรับบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ญี่ปุ่นรวม 12 บริษัทในฐานกระทำความผิดละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดรวมเป็นเงิน 1.235 พันล้านหยวน ถือว่าสูงสุด

แต่เมื่อเทียบกับโทษปรับอาลีบาบา 1.82 หมื่นล้านหยวน ทิ้งกันมองไม่เห็นฝุ่น

ทว่า ก่อนการลงโทษปรับอาลีบาบา ไม่ปรากฏมีการแจ้งเตือนแต่อย่างใด

สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกคือเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 “แจ็ก หม่า” ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทอาลีบาบา ได้วิพากษ์วิจารณ์ระบบกำกับกฎระเบียบทางการเงินของสำนักงานอย่างรุนแรง

ต่อมาเดือนพฤศจิกายน 2020 กลุ่มบริษัท Ant Group ในเครืออาลีบาบากำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ก็ถูกระงับกะทันหัน ล่าสุด การประชุมกรมการเมืองของพรรคได้ยกประเด็น “ต่อต้านการผูกขาดธุรกิจและป้องกันการเติบโตของเงินทุนอันปราศจากระเบียบ”

หลังจากนั้น ข่าวสารออนไลน์ของราชการมีการตอบสนองที่ดี และไม่ขาดสาย บทความเกี่ยวกับแพลตฟอร์มเศรษฐกิจมีมาอย่างต่อเนื่อง

และแล้วเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2020 รัฐบาลก็ได้ทำการตรวจสอบอาลีบาบาอย่าง

เป็นทางการ ทว่า การตรวจสอบและคำสั่งลงโทษ รวดเร็วยิ่ง และรวดเร็วกว่าการตรวจสอบทั่วไปของราชการ จึงชวนให้คิดว่าปฏิบัติการต่ออาลีบาบาครั้งนี้ น่าจะเป็น “การเมืองกำหนด” อันมีวัตถุประสงค์ในการป้องปรามบรรดาธุรกิจน้อยใหญ่ ควรต้องมีความยำเกรง

กรณีเป็นการอันสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายที่เข้มงวดและศักดิ์สิทธิ์ ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแห่งธรรมาภิบาล และจะดำรงต่อไปอย่างเป็นนิรันดร์

ปฏิบัติการของสำนักงานควบคุมการบริหารระเบียบด้านการตลาดครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างระเบียบวินัยของตลาด อีกทั้งเป็นการปกป้องธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมของแพลตฟอร์มเศรษฐกิจ เป็นการสร้างหลักประกันให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด อีกทั้งสามารถทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันระยะยาว และทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าใจเจตนาของฝ่ายบริหารและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนต่อไป

ในขณะที่ แพลตฟอร์มเศรษฐกิจกำลังเจริญรุ่งเรือง บวกกับความก้าวหน้าทางด้านปัญญาประดิษฐ์ ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสให้แพลตฟอร์มเศรษฐกิจมีการพัฒนาที่ใหญ่กว่าและมากกว่า บัดนี้ รัฐบาลจีนได้กำหนดกฎเกณฑ์การแข่งขันของตลาดให้มีระเบียบวินัย เป็นการอันก่อประโยชน์แก่แพลตฟอร์มเศรษฐกิจ เพื่อให้การแข่งขันมีความโปร่งใสและยุติธรรม

การที่ “อาลีบาบา” จ่ายเงินค่าปรับจำนวนมหาศาล ถือเป็นค่าเล่าเรียนที่แพงที่สุดในโลก จึงควรต้องนำบทเรียนดังกล่าวเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ คือเรื่องที่สร้างสรรค์

อย่างไรก็ตาม “บทเรียนราคาแพง” ของอาลีบาบาครั้งนี้คือ

อุทาหรณ์ที่ทรงคุณค่ายิ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image