ดับทุกข์จากโควิด-19 เพียง 10 นาที

ดับทุกข์จากโควิด-19 เพียง 10 นาที ทุกข์ของคนไทยในวันนี้

ดับทุกข์จากโควิด-19 เพียง 10 นาที

ทุกข์ของคนไทยในวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเหตุคือ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 หวาดกลัวสารพัด ทั้งกลัวติด กลัวการฉีดวัคซีน กลัวต้องล่มสลายทางสังคมจากสถานการณ์ธุรกิจ เมื่อกลัวมากๆ ก็กลายเป็นความทุกข์

ผู้เขียนจึงอยากแบ่งปันหนทางดับทุกข์ด้วยธรรม โดยการทำความเข้าใจพระพุทธศาสนาภายใน 10 นาทีซึ่งมี 10 ข้อ เป็น “วัคซีน” หรือ “ยาวิเศษ” ป้องกันรักษาโควิด-19 ได้อย่างดี สร้างได้ด้วย “ตัวเรา” จิตใจของท่านจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กล่าวคือ

1.พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร? :
อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ = ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ สมุทัย = เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ นิโรธ = ความดับทุกข์ มรรค = ข้อปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์

Advertisement

2.พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องอะไร? : ทุกข์ กับ การดับทุกข์

3.ภาพรวมของพระพุทธศาสนา มีดังนี้
3.1 ให้มองโลกตามความเป็นจริง (จริงขั้นสมมุติ = สมมุติสัจจ์, จริงแท้ = ปรมัตถสัจจ์) อาทิ ตัวเรามีอยู่ แต่หาใช่ตัวตนที่แท้จริงไม่
3.2 ให้ถือทางสายกลาง ทางตึง (ทรมานกายให้ลำบาก) ก็ดี, ทางหย่อน (ฟุ้งเฟ้อหลงใหล มัวเมา) ก็ดี, มิใช่แนวทางของพระพุทธศาสนา แนวทางของพระพุทธศาสนาคือ มรรคมีองค์ 8 ทางสายกลางพอดีๆ
3.3 ให้พึ่งตนเอง มิใช่พึ่งเทวดา โชคชะตาราศี หรือดวงดาว ฤกษ์ยาม
3.4 ไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูฤกษ์ยาม การเจิม ฯลฯ มิใช่พุทธศาสนา
3.5 สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา)มีใช่เกิดขึ้นเองลอยๆ หรือพรหมลิขิต จะดับทุกข์ได้ต้องดับที่เหตุ

3.6 โอวาทที่เป็นหลักเป็นประธาน (โอวาทปาฏิโมกข์) คือ ให้ละชั่ว ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์
3.7 สิ่งทั้งอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา, แม้พระนิพพานก็เป็นอนัตตาเช่นกัน หาใช่อัตตาตัวตนไม่
3.8 ให้เชื่อในหลักธรรม คือ ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่วให้ทำตนอยู่เหนือดี เหนือชั่วนั่นแหละ จึงจะพบนิพพาน (คือ เหนือกรรม)
3.9 จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ นิพพาน (ได้แก่ สภาวะจิตที่สงบเย็น ปราศจากทุกข์)
3.10 สรุปธรรมทั้งปวง รวมลงในเรื่องเดียว คือ “ความไม่ประมาท”

Advertisement

4.การศึกษาธรรมะ 2 สมัย :
4.1 สมัยปัจจุบัน คือ รู้จัก กับ รู้จำ อาศัยการฟัง อ่านค้นคว้า จึงมีความรู้อยู่ในสมองและในสมุด พูดธรรมะคล่องแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ จึงได้ผลน้อย
4.2 สมัยพุทธกาล คือ รู้แจ้ง โดยเมื่อฟัง-จำแล้ว ลงมือปฏิบัติ ทำจริงในขณะนั้นทันที เกิดผลเป็นความรู้แจ้งเรื่องชีวิต ดับทุกข์ในขณะนั้นทันที

5.วิธีศึกษาพระพุทธศาสนา : เมื่อแรกพุทธปรินิพานนั้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งให้ถือเอาเป็นศาสดาแทนพระองค์มีเพียง 2 คือ “ธรรมและวินัย” หลังจากนั้นมา 300 ปี “จึงเกิดมีพระไตรปิฎกขึ้น” (สุตตันตปิฎก วินัยปิฎก และอภิธรรมปิฎก) บัดนี้ล่วงกาลมาถึง 2,500 กว่าปี คำสอนเดิม ขั้นปรมัตถ์ค่อยๆ หายไป หมดไป เกิดมีคำสอนใหม่ๆ เป็นพุทธศาสนาเนื้องอกจับใส่พระโอษฐ์ ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก ดังนั้น ในการศึกษาพระพุทธศาสนาพึงอาศัยหลักดังนี้

5.1 ด้านปริยัติ (ความรู้เนื้อหา) อ่าน ฟัง คิด วิจัย ให้เข้าใจคือให้ปฏิบัติได้จริง หากสงสัยให้อาศัยหลักกาลามสูตรเข้าพิจารณาตัดสิน มิใช่เชื่อไปเสียหมด

5.2 ด้านปฏิบัติ การปฏิบัติทุกอย่างของพระพุทธศาสนาไม่ว่าการทำทานรักษาศีล ภาวนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้ทำเพื่อ “ละกิเลส” มิใช่เพื่อเอาหวังได้นั่นได้นี่ อันทำให้ยิ่งเพิ่ม โลภะ โทสะ โมหะ หาใช่พุทธศาสนาไม่ ทุกวันนี้ไหว้เพื่อเอาเพื่อขอ ทำบุญเพื่อเอาสวรรค์ นิพพาน หวังผลทั้งชาตินี้ชาติหน้า ซึ่งกลายเป็นพอกกิเลสยาวนาน

5.3 ด้านปฏิเวธ (ผล) ทำเพื่อละ จะพบนิพพาน (จิตบริสุทธิ์ มีความสะอาด สว่าง สงบ) แต่ทำเพื่อเอา จะทำเพื่อเอา จะพบกิเลสในตนพอกพูนยิ่งขึ้นๆ ยาวนาน และยิ่งมีทุกข์มาก

ดังนั้น จงมุ่งปฏิบัติเพื่อห่างไกลทุกข์โดยส่วนเดียว ให้ได้เห็นผลด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก)

6.จะศึกษาพุทธศาสนาได้ที่ไหน? : ให้ศึกษาใน “ร่างกาย” นี้ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และมิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น จึงศึกษาตนเอง อย่ามัวศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตามๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นแก่นแท้เนื้อใน ได้แก่ ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน)

7.เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์ : เหตุ เกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่านี่คือตัวตนของเรา นี่ของของเรา การดับ โดยละอุปทานเสีย (โดยพยายามปฏิบัติให้ “เห็นอนัตตา”) เถิด จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้

8.พุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” : คำว่า “เห็นธรรม” คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์

9.จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ นิพพาน (สภาวะจิตที่สงบเย็น) ปราศจากกิเลส เครื่องร้อยรัดทั้งปวง (ชาวบ้านพูดว่า เย็นอก เย็นใจ) หาพบได้ที่ใจตัวเอง

10.สรุป ความทุกข์เกิดที่จิต พึงรักษาจิตให้เป็นประภัสสรไว้เสมอ ระวังการกระทบ (ผัสสะ) ทางตา หู ฯลฯ ให้ดี มีสติรู้ทันว่า…เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน อย่าให้เวทนา ตัณหา เกิดได้ แล้วท่านจะพบความสงบเย็นตลอดเวลา

ความทุกข์เกิดที่จิต เพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ (จากธรรมสมโภช 80 ปีพุทธทาสภิกขุ)

ขอเชิญชวน เนื่องในโอกาสช่วงนี้เรา “มีทุกข์” มากกับโควิด-19 รอบ 3 ที่ผ่านมา และจะอยู่กับเราอีกนาน สาธุชนไม่ต้องไปวัด หรือไปไหว้พระหลายๆ วัด ขอเพียงตั้งจิตให้สงบแน่วแน่อย่างแท้จริง แล้วอ่านอย่างมีศรัทธาสุดสุด อ่านไปทำความเข้าใจไปเพียง 10 นาที หรือมากกว่านั้นสักอีก 20 นาที ท่านจะมีดวงตาเห็นธรรมได้จริง หรือเข้าขั้นนิพพานได้ “นิพพาน” ในที่นี้ท่านพุทธทาสให้ความหมายว่า “ความเย็นอกเย็นใจ ไม่มีความทุกข์” จิตใจของท่านจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นอกจากปฏิบัติตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความร่วมมือไปเสริมสร้างฉีด Vaccine ป้องกันโควิด-19 ทุกคนตามที่ทางการแนะนำมา จะได้ไม่ทุกข์จากโควิด-19ไงเล่าครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image