ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด โดยมีผู้ติดเชื้อใหม่แต่ละวันประมาณ 2 พันราย ติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์แล้ว
สถานการณ์ที่ดีขึ้นคือ พื้นที่หลายจังหวัดเริ่มไม่มีผู้ติดเชื้อ และอีกหลายจังหวัดตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง
จะมีที่น่าตกใจคือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลุดพ้นจากจังหวัดสีแดงเข้มไปแล้ว
ปรากฏว่า พบการติดเชื้อล็อตใหญ่ในเรือนจำ
จากผู้ต้องขัง 6 พันคน ติดเชื้อ 3.9 พันคน
ขณะที่ตัวเลขการตรวจเชื้อผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ
5 วันยอดพุ่งไปแตะหมื่น
กลายเป็นว่าขณะนี้โควิดในประเทศไทยต้องมีวิธีการรับมือหลากหลาย
การติดเชื้อในเรือนจำ เป็นพื้นที่จำกัด มีประชากรอยู่กันมาก โอกาสติดเชื้อมีมากกว่าไม่ติด
รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร
ขณะเดียวกัน พื้นที่นอกเรือนจำก็ใช่ว่าจะปลอดโรค โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม
โฟกัสเฉพาะกรุงเทพฯ พบว่าคลัสเตอร์เกิดขึ้นมากมาย
จากคลัสเตอร์ผับทองหล่อ กลายเป็นคลัสเตอร์ตลาดบางแค ขยับเป็นคลัสเตอร์ห้าง
ล่าสุดคลัสเตอร์ที่น่าห่วง คือ คลัสเตอร์แคมป์แรงงาน
คลัสเตอร์แคมป์แรงงานในกรุงเทพฯ ที่ ศบค.บอกว่ามีมาก
ในจำนวนนี้มี 5 แห่งที่ถือเป็นคลัสเตอร์ที่มีแรงงานติดเชื้อมาก
ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่ง น่าจะเป็นคลัสเตอร์หลักสี่
ตรวจพบว่าติดเชื้อ 86.23 เปอร์เซ็นต์
ฟังจากข่าวสารในขณะนี้ ทำใจได้เลยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อคงไม่ลดลงง่ายๆ
รัฐบาลต้องมีวิธีการรับมือหลากหลายมากขึ้น เพราะปัญหาหลากหลายมากขึ้น
พื้นที่สีขาวจะทำอย่างไร พื้นที่สีเขียวจะทำอย่างไร
พื้นที่สีส้ม เรื่อยมาจนถึงสีแดงเข้ม จะทำอย่างไร
จะทำอย่างไรทั้งด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ
จาก 1 เมษายน ซึ่งเกิดระบาดระลอก 3 มาถึงบัดนี้ เวลาผ่านไปเดือนครึ่ง
ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่บรรเทา ตัวเลขผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิตยังมีมาก
ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่เริ่มไม่มั่นใจในความเป็นอยู่
ถ้าจะให้มั่นใจ รัฐบาลต้องเร่งฉีดวัคซีน
จะฉีดวัคซีนให้กลุ่มไหนก่อน ฉีดให้กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือฉีดวัคซีนให้ประชากรของจังหวัดสีแดงเข้ม หรือจะฉีดวัคซีนให้จังหวัดท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากร
เปรียบเทียบกับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ จากเดือนเมษายน 2 ล้านโดส มีนาคมกับพฤษภาคม อีก 4 ล้านโดส
ในจำนวนนี้ฉีดไปแล้วเกือบ 2 ล้านโดส
ถ้าจะต้องฉีดวัคซีนเร่งด่วนในพื้นที่ต่างๆ ปัญหาคือมีวัคซีนเพียงพอแค่ไหน
จะทันกับสถานการณ์การระบาดในขณะนี้หรือไม่
ถ้าทันแน่นอน รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแผน
แต่ถ้าดูแล้วไม่ทันกาล รัฐบาลคงต้องแสวงหาหนทางที่จะต้องทำ
ต้องทำควบคู่ไปกับแผนกระจายวัคซีน
เรื่องเช่นนี้ต้องการความชัดเจน ต้องการความร่วมมือ
ต้องการผู้นำที่จะทำให้คนในชาติรอดพ้นจากเภทภัย
แต่เท่าที่เฝ้าดูมาระยะหนึ่ง
ประเทศไทยยังน่าห่วง และน่าเป็นห่วงขึ้นทุกวันๆ