ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกประกาศเรื่อง วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 3 แสดงความห่วงใยต่อนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มว่าผู้ป่วยใหม่ในระบบรักษาพยาบาลจะลดลง นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบการรักษาพยาบาล หากทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกที่ 4 และนำเชื้อกลายพันธุ์ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเข้ามาในประเทศ โดยระบุข้อห่วงใย 6 ประการด้วยกัน
ข้อห่วงใย 6 ประการ โดยสรุป ได้แก่ ต้องมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์การระบาดดีขึ้นโดยเร็ว ไม่ควรให้มีวันหยุดยาว ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อดังวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ต้องคัดกรองเชิงรุกอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาด ระดมสรรพกำลังคัดกรองโรคในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โรงงาน ตลาดสด และแคมป์คนงานทั่วประเทศ ใช้มาตรการจำกัดพื้นที่เมื่อพบการติดเชื้อ เพื่อจำกัดการกระจายของแหล่งแพร่เชื้อ ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการควบคุมโรค ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว การลักลอบเล่นการพนัน การมั่วสุมชุมนุม แหล่งบันเทิง ควบคุมการเดินทาง
ของผู้มีความเสี่ยงหรือเป็นโควิด
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯยังเสนอว่า ต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ กระจายอย่างเป็นระบบ ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลการเมืองหรือผลประโยชน์ จัดทำมาตรการรับนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมโรคมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้การเปิดประเทศเป็นต้นเหตุของการระบาดระลอกที่ 4 และต้องทบทวนความเหมาะสมอีกครั้งก่อนเปิดประเทศเมื่อครบ 120 วันว่าเหมาะสมหรือไม่โดยพิจารณาถึงการระบาด การได้รับวัคซีน การแพร่กระจายเชื้อกลายพันธุ์ และความพร้อมของระบบการรักษาพยาบาลของประเทศ
ถือเป็นคำเตือนที่รัฐบาลพึงรับฟัง เพราะการเปิดประเทศมีความเสี่ยงดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับไว้เอง การจัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอ การกระจายและฉีดอย่างกว้างขวาง รวมถึงการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เป็นหัวใจสำคัญที่จะบอกว่าประเทศไทยพร้อมหรือไม่ที่จะเปิดประเทศใน 120 วัน เพื่อรับนักท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้า และหากฝืนเปิดประเทศโดยไม่มีความพร้อม จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างประเทศที่จะเข้ามาในประเทศ
