หน้าฝนในปีนี้ ไม่ค่อยเป็นหน้าฝนเท่าใดนัก ฝนมีตกบ้างเป็นครั้งคราว แต่น้อยเหลือเกิน ที่หลงเหลือเป็นความร้อน เหมือนหน้าร้อนเสียมากกว่า
บางคนบอกว่า ร้อนแล้วก็แดดจัดยิ่งกว่าเมื่อเมษายนที่ผ่านมาซะอีก
โชคดีที่ในเมืองไทย อากาศยังไม่วิปริตเท่าพื้นที่ด้านตะวันตกของแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
อย่างที่แคนาดา อุณหภูมิสูงสุดเคยอยู่ที่ 45 องศา เมื่อปลายมิถุนายนนี้กลับปาไปถึง 49.6 องศาเซลเซียส
อากาศร้อนจัดแบบแห้งๆ ไม่มีกระแสลม ก่อให้เกิด ฮีตสโตรก ได้ง่าย เลยมีคนแคนาดาเสียชีวิตเพราะเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพร้อนจัดไปหลายร้อยรายทีเดียว
นักวิทยาศาสตร์บ่งชี้สาเหตุของอากาศวิปริตที่แคนาดาและอเมริกาซีกตะวันตกไว้ว่า เกิดขึ้นเพราะ “ฮีตโดม” หรือ “โดมความร้อน”
“ฮีตโดม” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศร้อนถูกกักไว้ให้อยู่บริเวณเหนือพื้นผิวดิน สิ่งที่กักมันไว้ก็คือ มวลอากาศแรงดันสูงในชั้นบรรยากาศ กับสภาพอากาศนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ทำให้มวลอากาศร้อนไม่หายไปไหน ปกคลุมพื้นที่เดิมๆ อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน และสะสมความร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นสภาพอากาศวิปริตร้อนจัดดังกล่าว
อากาศร้อนที่ถูกกักไว้มาจากไหน? ก็มาจากการดูดซับและคายความร้อนของพื้นผิวดินในยามกลางวัน แต่ที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณนั้นร้อนจัดกว่าปกติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปรากฏการณ์ “ลานิญา” ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกสมทบเข้าไปด้วย
แต่เหตุปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ภาวะโลกร้อน ที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์นั่นแหละครับ
ทีมนักวิจัยนานาชาติที่เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศ 27 คน ศึกษาวิจัยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้แล้วตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่แคนาดาและบางส่วนของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีภาวะโลกร้อนประกอบอยู่ด้วย
ปรากฏการณ์ฮีตโดม ที่ก่อให้เกิดคลื่นความร้อนปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มากและร้อนรุนแรงมากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นได้ในอัตรา 1 ครั้งต่อ 1 ล้านปีเท่านั้น หรือพูดได้ว่า แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
ภาวะโลกร้อน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้เพิ่มขึ้น 150 เท่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นปรากฏการณ์ 1 ใน 1 พันปี ที่จะเกิดสักครั้งเท่านั้น
ผมหยิบเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเนื่องจากทีมวิจัยนานาชาติที่ว่านี้ เตือนเอาไว้ว่า ยิ่งเราทำให้โลกร้อนขึ้นมากเท่าใด ปรากฏการณ์วิปริตเช่นนี้จะเกิดถี่ขึ้น บ่อยขึ้นและเกิดขึ้นได้ไม่เลือกที่
แม้แต่เหนือทวีปอาร์กติก ขั้วโลกเหนือที่เคยปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั่วนาตาปี
เขาบอกว่า ในระดับอุณหภูมิพื้นผิวโลกที่เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างตอนนี้ ปรากฏการณ์ฮีตโดมที่ว่านี้จะถี่ขึ้นจากพันปีครั้ง เป็น 5-10 ครั้งเลยทีเดียว
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ปรากฏการณ์ฮีตโดมย่อมๆ นั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในเขตเมืองทุกแห่งในโลกนี้ แต่ไม่ถูกเรียกว่าฮีตโดม กลับเรียกว่า “เกาะความร้อน” หรือให้ชัดยิ่งขึ้นก็เรียกว่า “เกาะความร้อนเมือง” (Urban Heat Island) ครับ
เกาะความร้อนเมือง ไม่จำเป็นต้องมีมวลอากาศเย็นแรงดันสูงในชั้นบรรยากาศก็ได้ มีแค่สิ่งปลูกสร้างที่ขวางทางลม ปิดกั้น เก็บกัก กระแสอากาศร้อนไม่ให้ลอยขึ้นสูง ก็เกิดภาวะเหมือน “เตาอบ” ขึ้นได้
ความร้อนที่พื้นผิวถนน อาคารบ้านเรือน คายออกมาจะถูกกักเก็บอยู่ที่เหนือพื้นผิวของเมืองอย่างนั้น สั่งสมจน “ร้อนตับแลบ” อย่างที่บ่นกัน
ยิ่งใช้แอร์คอนดิชั่นกันมากขึ้น ความร้อนที่สั่งสมนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะแอร์คอนดิชั่นเป่าความร้อนออกมาสู่ภายนอก
ถึงเวลาต้องหันกลับมาดูแลโลก เพื่อตัวเราเองกันแล้วหรือยัง?