สถานีคิดเลขที่ 12 : ล้มรัฐบาล!

สถานีคิดเลขที่ 12 : ล้มรัฐบาล! พรรคร่วมฝ่ายค้านขยับ ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

พรรคร่วมฝ่ายค้านขยับ ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เล็งเดือนสิงหาคม ฤกษ์งามเสนอญัตติ
การซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรง จากพิษวัคซีน การบริหาร ผิดพลาด ล้มเหลว ส่งผลโควิดระบาดลุกลามขยายวงกว้าง
เป็นที่จับตามอง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผลอาจแตกต่างครั้งก่อนๆ ไม่ว่ายื่นญัตติกี่ครั้งกี่หน ฝ่ายค้านไม่สามารถโค่นรัฐบาลได้ ทั้งนี้เนื่องจากเสียงฝ่ายรัฐบาล เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

การลงมติแบบการเมือง แบ่งขั้วฝ่าย นับหัว วัดด้วยจำนวนเสียงล้วนๆ โดยเฉพาะ มิได้นำเนื้อหา สาระการอภิปราย มาประกอบการพิจารณาตัดสินใจโหวตอย่างแท้จริง ทำให้การอภิปราย ซึ่งเป็นมาตรการสูงสุดในการตรวจสอบฝ่ายบริหารของฝ่ายนิติบัญญัติ
เสมอเป็นเพียงพิธีกรรม ฟอกรัฐบาล ให้มีความชอบธรรม

เนื่องจากอภิปราย มีเหตุมีผล ข้อมูลประกอบหนักแน่นเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวสมาชิกฝ่ายรัฐบาลเปลี่ยนใจ ลงมติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้
แต่ครั้งนี้ ใครต่อใคร คาดหวังผลสูงกว่านั้น
ถึงขั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นก็เป็นได้

Advertisement

คาดหวัง ส.ส.ที่ยึดโยงผูกพันกับประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด โดยตรงคุกคามชีวิต และเศรษฐกิจปากท้อง จะตัดสินใจโหวต ตามกระแส ที่กำลังกระหึ่มดังอยู่ในเวลานี้
ลงมติไม่ไว้วางใจ ปฏิเสธรัฐบาล
แต่ในความเป็นจริงแล้วยาก อาจแค่ฝัน

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่คาดกันว่า สภาจะบรรจุเป็นวาระพิจารณาราวเดือนกันยายน หากฝ่ายค้านยื่นญัตติเดือนสิงหาคม
คงลงเอยเหมือนเดิม

กล่าวคือ เสียงลงมติไม่ไว้วางใจซึ่งยึดเอาเป็นเกณฑ์ตัดสิน รัฐมนตรี หรือรัฐบาลต้องพ้นตำแหน่ง ฟันธงได้ว่า ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของรัฐบาลแน่นอน
นั่นหมายความว่า สภายังคงไว้วางใจรัฐบาลให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป
เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา

Advertisement

ยิ่งเป้าหมาย เช็กบิลไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ชัดเจนเป็นที่ยิ่งว่า เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยิ่งมองไม่เห็นว่า ส.ส.รัฐบาล จะกล้ายกมือสวน ลงมติไม่ไว้วางใจ
อันจะทำให้รัฐบาลล้มพังทั้งกระดาน

รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี
การลงมติที่ไม่ต่างจากทุบหม้อข้าว ระเบิดคลังเสบียงตัวเองทิ้งนี้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ที่ทำให้เป็นไปได้อย่างแน่นอนอีกประการก็คือ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเรื่องการตรวจสอบตามกติกาก็จริง
แต่ลักษณะมันไม่ต่างกับเรื่องการเมืองโดยแท้

การต่อสู้ ระหว่างฝ่ายค้าน กับฝ่ายรัฐบาลโดยแท้
ต่างฝ่ายต่างก็จำเป็นต้องระดมกำลังมาสู้วัดตัดสินกัน

หาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้ฟังข้อมูลที่ฝ่ายค้าน นำมาอภิปรายโน้มน้าวให้ลงมติในทิศทางเดียวกับฝ่ายค้าน ที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาด ล้มเหลว ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ ประชาชนแล้ว ลงคะแนนตามฝ่ายค้าน
ก็จะกลายเป็นว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีความคิดความอ่าน

พิจารณาตัดสินใจเองไม่ได้แม้ในสถานการณ์วิกฤตปัจจุบัน ที่ข้อมูล ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดยิ่ง
หากตัดสินใจตาม เห็นพ้องกับข้อมูลฝ่ายค้าน
ความมีคุณค่า ราคาอาจลดลง

สถานการณ์ขณะนี้ การตัดสินใจเองถอนตัว ไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายค้าน ดูยิ่งใหญ่ มีความชอบธรรมยิ่งกว่า
น่ายกย่อง สรรเสริญยิ่งกว่า
เนื่องจากเกิดจากการที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย สำนึก ตระหนัก ข้อมูล ข้อเท็จจริง สภาพการณ์ที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้า

ถ้ามองจากมุมการเมืองที่เหนือชั้นกว่า
ถอนตัวยังได้ชื่อว่า ชอบธรรมยิ่งกว่าชอบธรรม

จำลอง ดอกปิก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image