ภาพเก่าเล่าตำนาน : สุนิสา ลี…ผลพวงจากสงคราม(ลับ)ในลาว’ โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เหรียญทองยิมนาสติกจากโอลิมปิกที่คล้องคอเธอ…ทำให้คนทั้งโลกหันมาสนใจคำว่า “ม้ง-อเมริกัน” (Hmong American)

เธอ…ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาว เอเชี่ยน-อเมริกัน ที่นำเหรียญทองโอลิมปิกมาให้สหรัฐอเมริกาเป็นคนแรก…

สุนิสา ลี เธอมีเชื้อชาติ “ม้ง” จากประเทศลาว

“ชาวม้ง” เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่เคยมีประเทศเป็นของตนเอง เคยอาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมานานนับพันปี แต่เมื่อชาวจีนเริ่มจำกัดเสรีภาพในช่วงกลางทศวรรษ 1600 “ชาวม้ง” นับแสนทยอยอพยพลงใต้สู่ ลาว ไทย เวียดนาม และดินแดนใกล้เคียง

Advertisement

ชาวม้ง คุ้นเคยกับพื้นที่สูง ชอบอยู่บนเขา ชอบอากาศหนาวเย็น นับถือวิญญาณบรรพบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับธรรมชาติที่อยู่บนฟ้า ในลำน้ำ ประจำต้นไม้ ภูเขา ไร่นา ฯลฯ

ในประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์ชาวม้ง ราว 2.5 แสนคน ใน จ.พะเยา จ.เพชรบูรณ์ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่

ย้อนอดีตไปไกล… พ.ศ.2516 หลังลาวแตก …กองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือเข้าปกครองประเทศลาว

Advertisement

ชาวลาวฝ่ายประชาธิปไตยที่มีสหรัฐสนับสนุนและชาวม้งนับหมื่น หนีข้ามแม่น้ำโขง…ไทยตั้งศูนย์รองรับ “บ้านวินัย” อ.ปากชม จ.เลย ชาวม้งที่อยู่ลึกไปในประเทศลาวต้องหนีมาด้วยเครื่องบิน

เหตุการณ์ที่ “ปิดลับ” … แต่เอิกเกริก คือ ช่วงที่เครื่องบินของซีไอเอ ทุกประเภท…ถอดเก้าอี้ผู้โดยสารออกเหมือนรถโกดัง…บรรทุกชาวม้งลาวหนีตาย ยัดทะนานกันเข้าไปในเครื่อง …บินขึ้นจากสนามบินเมืองล่องแจ้ง ในลาว มาลงสนามบินนครพนม…บินไม่หยุด

ซีไอเอ ระดมมาขนชาวม้ง (ผู้ภักดีต่อสหรัฐ) มาลงที่นครพนมไม่รู้ใครเป็นใคร…สร้างที่พัก เลี้ยงดูชาวม้ง หลายหมื่นคน

คอมมิวนิสต์ลาวที่ชนะสงคราม… หลับตา…ทำเป็นมองไม่เห็นการขนย้ายชาวม้ง เพราะชาวม้ง คือ ศัตรูคู่สงครามที่เป็นเสี้ยนหนามของลาว ม้งหนีมาฝั่งไทยได้มากเท่าไหร่ ถือว่าเป็นบวกเท่านั้น…

ภาพเก่า…เล่าตำนาน ตอนนี้…ขอย้อนอดีตที่ทำให้ สุนิสา ลี และคำว่า “ม้งอเมริกัน” เป็นที่รู้จักของคนเกือบทั่วโลก

ขอเล่าแบบย่อๆ นะครับ…

ราว พ.ศ.2502 โดยหน่วยข่าวกรอง “ซีไอเอ” ของสหรัฐ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาพบผู้นำระดับสูงของไทยเพื่อพูดคุย (ในทางลับ) ขอความร่วมมือที่ยับยั้งภัยคอมมิวนิสต์ที่กำลังก่อตัว ในเวียดนาม เขมร ลาว รวมทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือของไทย

รัฐบาลไทยแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ ประสานงาน จัดตั้งกองบัญชาการ ในค่ายทหาร จ.อุดรธานี เพื่อทำโครงการลับ ยับยั้งภัยคอมมิวนิสต์… ซีไอเอ สนับสนุนเงินแบบไม่อั้น

เจ้าหน้าที่ซีไอเอหนุ่ม ชื่อ บิล แลร์ (Bill Lair) เป็นหัวหน้าคุมข่ายงานมหากาฬทั้งหมด จัดการฝึกโดดร่ม ปรับประสิทธิภาพหน่วย ตชด. มอบอาวุธ กระสุน ฝึกการรบแบบกองโจรให้ตำรวจและทหารไทย …คอมมิวนิสต์ คือ ภัยร้ายแรงของชาติ

ซีไอเอช่วยหาเงินมาสร้าง ปรับปรุงสนามบินในไทย 6 แห่ง รวมทั้งอู่ตะเภา …ปรับปรุงถนนมิตรภาพและถนนอีกหลายเส้นในไทย

บิล แลร์ ส่ง ตชด.ไทยเข้าไปเป็นครูฝึกชาวม้งลาว ที่อยู่ในป่าตอนเหนือของลาว จัดตั้งหน่วยรบ ฝึกชาวม้งนับหมื่นให้เป็น “ทหาร” สั่งการให้ไปรบกับทหารเวียดนามเหนือที่เป็นคอมมิวนิสต์

ทหารบกไทยโดยเฉพาะ “ทหารพลร่ม” อาสาเข้าไปทำงานในลาวในทุกรูปแบบ (พ.ศ.2505 ร้อยโท สนอง ทองเล็ก บิดาของผู้เขียนเป็นทหารพลร่ม ก็เข้าไปทำงานในลาว)

สงครามในลาวหฤโหด รบจริง ตายจริง ทั้งสองฝ่าย (รวมทั้งนักรบจากไทย) ที่ทำงานในแผนงานที่ซีไอเอเป็นผู้กำหนด

ตลอดระยะเวลาสงครามราว 13 ปี ทำให้แผ่นดินลาวโชกชุ่มด้วยเลือดทาแผ่นดิน เป็นพื้นที่ที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดในโลก

อเมริกาทิ้งระเบิดล้างปฐพี ..ชาวลาวตายเยอะ หลบหนีเข้าไทย

เด็กหนุ่ม-ชายชาวม้งนับหมื่น ที่เคยอยู่ตามป่าเขา ได้รับเบี้ยเลี้ยงแบบที่ไม่เคยเห็นเงินมาก่อนในชีวิต ถือปืนไปรบกับคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือ …ทุกฝ่ายทำศึกตายกันนับแสนคน

ฐานบินในภาคอีสานของไทย คึกคักด้วยอากาศยานสหรัฐ บินขึ้น-ลงไปส่งกำลังบำรุง ผลัดเปลี่ยนกำลังพล รับ-ส่งทหารบาดเจ็บ

ชาวม้ง คือ กำลังรบหลักภาคพื้นดินร่วมกับทหารไทย

ซีไอเอ แสนใจดี สอนชาวม้งขับเครื่องบินในขณะที่ยังขับรถไม่เป็น

การสู้รบ การทิ้งระเบิด ปะปนรวมกันไปกับสงครามในเวียดนาม

พ.ศ.2516 วอชิงตันสั่ง “ยุติสงคราม” … ซีไอเอ ทยอยยุติการสนับสนุน เตรียมถอนกำลังออกจากลาว (รวมทั้งนักรบจากไทย)

งานเลี้ยงเลิกรา.. ครอบครัว “ชาวม้ง” นับแสนคนในป่าเขาทางตอนเหนือของลาว คือ “เหยื่อ” ที่คอมมิวนิสต์ลาวจ้องจะเช็กบิลหลังงานเลี้ยงเลิก

(ผู้เขียนเคยทำสารคดีใน YouTube เรื่อง “สงครามลับในลาว โดย ปู่แป๊ะ” 2 ตอน ลองไปเปิดชมนะครับ มียอดผู้ชมแบบน่าชื่นใจ)

เมื่อไม่มีสหรัฐ…กองกำลังคอมมิวนิสต์ของ “โฮจิมินห์” เข้ายึดเวียงจันทน์ …ลาวแตก …เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์

ชาวม้งลาวที่หนีเข้ามาในไทยหลายหมื่นชีวิต ซีไอเอใช้ความพยายามในทางการเมือง ขอให้ย้ายไปอเมริกา…

ชาวม้งมี 18 เผ่า แต่ละเผ่า/นามสกุล เช่น ช้าง/ชา เฉิง ชือ ฝาง คัง ก้อง กือ ลี/ลี่ ฯลฯ

ซีไอเอยอมรับว่า ชาวม้งและครอบครัว ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพล วังเปา (Vang Pao) จะต้องถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวอชิงตัน ขอนำชาวม้งเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอเมริกา

การทำงานในระบบรัฐสภา “ได้ผล” ผ่านกฎหมายให้ชาวม้งอพยพเข้าไปในอเมริกาได้…

ก่อนลาวแตก… นายพล วังเปา และครอบครัวหนีเข้ามาไทย แล้วบินต่อไปอเมริกา เรียกว่าไปเป็น “ส่วนล่วงหน้า” ทำงานกับอดีตซีไอเอ พบปะผู้ใหญ่ในวอชิงตัน ขอให้อพยพชาวม้งไปอเมริกา

ชาวม้ง ที่อยู่บนป่า เขา หนุ่มสาวจะแต่งงานเมื่ออายุ 15 ปี และต้องมีลูกมาก ลูก 7-10 คน คือมาตรฐาน บางครั้งไม่ต้องสู่ขอเจ้าสาว…มีประเพณี “การฉุด-ลักพาตัว” อันเป็นที่ยอมรับได้

ประมาณ 90% ของม้งลาวที่มาถึงค่ายผู้ลี้ภัยในไทย ได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในอเมริกา ส่วนที่เหลือประมาณ 8-10% ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในแคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย

ราว พ.ศ.2516 ซีไอเอเริ่มต้นก้าวแรก…พาชาวม้งไปอยู่อเมริกาได้ราว 1,000 คน ถือเป็นรุ่น 1

เดือนพฤษภาคม 2519 สหรัฐผ่านกฎหมายให้นำชาวม้งอีก 11,000 ในปี พ.ศ.2521 ชาวม้งประมาณ 30,000 คน ทยอยอพยพ …ในปี พ.ศ.2541 มีม้งราว 200,000 คนในอเมริกา

พ่อ-แม่ของสุนิสา (ช่วงเป็นเด็ก) ก็หนีเข้ามาผ่านศูนย์บ้านวินัย…แล้วอพยพไปอเมริกา

เมื่อแรกมาถึงอเมริกา ชาวม้งต้องใช้ชีวิตไม่ผิดจากพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน รับจ้างดูแลไร่สตรอเบอรี่ โยกย้ายจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งตลอดเวลา แต่ทุกคนก็พยายามเกาะกลุ่มกันจนถึงที่สุด

อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ชีวิตแร้นแค้น ถูกรังเกียจ เป็นภาระ

ซีไอเอที่ไปรบในลาว… ไม่ทิ้งชาวม้ง พยายามใช้กลไกสภาเพื่อนำม้งลาวไปเป็นระลอก …กลุ่มหลังสุดที่อพยพเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ที่ผ่านมานี้นี่เอง

สุนิสา ลี …เกิดในอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2546

จากการสำรวจชุมชนอเมริกันปี 2562 โดยสำนักสำมะโนสหรัฐ จำนวนประชากรของชาวอเมริกันม้งราว 327,000 คน
ชาวม้งนับหมื่น ถูกนำตัวไปไว้ในรัฐมินเนโซตา รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐวิสคอนซิน และรัฐอื่นๆ

ชุมชนม้งใหญ่ที่สุด คือ ที่เมืองมินีอาโพลิส กับเมืองเซนต์พอล ในรัฐมินเนโซตา 2 ชุมชนที่ถือว่าเป็น “เมืองฝาแฝด” มีม้งอยู่รวมกันราว 72,000 คน

ชีวิตชาวม้งหนีตายจากป่าเขา อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เปลี่ยนไปแบบไม่มีวันกลับคืน… ที่สำคัญที่สุด คือ เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ

ในขณะนี้ ถือได้ว่า สุนิสา ลี คือ ทายาทม้งรุ่นที่ 3

ชาวม้งในอเมริการวมตัวกัน ต้องปรับตัว…ท่ามกลางความสงสัย ระแวง อึดอัดของสังคมอเมริกัน …คนพวกนี้มาจากไหน

เกิดปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ (Racism) ในอเมริกาพอสมควร … ชุมชนในอเมริกาค่อนข้างเบื่อหน่าย “งานศพชาวม้ง” ที่มักจะเริ่มต้นในเช้าวันศุกร์และดำเนินต่อไปทั้งกลางวันและกลางคืนจนถึงวันจันทร์ กระทั่งศพถูกฝัง…เคยมีเรื่องฟ้องร้องตามกฎหมาย…

เลือดข้นกว่าน้ำ…ผู้ที่มาอยู่ก่อน ช่วยเหลือผู้อพยพมาทีหลัง ซีไอเอ ก็ไม่ทิ้งเพื่อน… บิล แลร์ ในยามชราก็หมั่นไปเยี่ยมชุมชนม้ง

วันคืนผ่านไป…ม้งลืมตาอ้าปากได้ ทำงานระดับล่าง …เรียนหนังสือ ไต่เต้า ตั้งตัวได้ กลายเป็นผู้ประกอบการ

มีเด็กชาวม้งเกิดใหม่ในอเมริกามหาศาล (ลูกดก) มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่มีใครคิดจะกลับมาถิ่นเดิม

ทายาทรุ่นหลาน…เริ่มเข้าสู่ “ถนนการเมือง” ในรัฐมินเนโซตา

ปี ค.ศ.2020 มีชาวม้งกว่า 7 หมื่นคนในรัฐมินเนโซตา

สุนิสา ลี เกิดเมื่อ พ.ศ.2546 ที่เมืองเซนต์พอล (St. Paul) รัฐมินเนโซตา ปัจจุบันเธออายุ 18 ปี สูง 1.52 เมตร เริ่มเล่นยิมนาสติกเมื่ออายุ 7 ขวบ

เมื่อมีการเลือกตั้งท้องถิ่น…ชาวม้งลงคะแนนเลือกชาวม้ง

สภาของรัฐมินเนโซตา มีชาวม้ง-อเมริกัน เข้าไปทำงานเพื่อบริหารในระดับสมาชิกวุฒิสภาของรัฐ

6 มกราคม พ.ศ.2554 นายพล วังเปา ที่ชาวม้งนับถือเป็นบิดา เสียชีวิตจากโรคชราในแคลิฟอร์เนีย

ชาวม้งมหาศาลในอเมริกา…มาร่วมงานศพ วังเปา รวมทั้งอดีตทหารอเมริกันที่เข้ามาทำสงครามในลาว…

สรุปได้ว่า… พ่อและแม่ของ สุนิสา ลี เป็นชาวม้ง เคยหนีภัยสงครามเข้ามาในไทย อพยพต่อไปอยู่ในรัฐมินเนโซตา อเมริกา ตั้งแต่ยังเด็ก ไปเติบโตในรัฐมินเนโซตา

แม่ของสุนิสาเป็นชาวม้งชื่อ ยีฟ ทอ (Yeev Thoj) และพ่อบุญธรรมเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้งเช่นกัน ชื่อ ฮัว จอห์น ลี (Houa John Lee) ซึ่งคอยเลี้ยงดูสุนิสาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อโตขึ้น สุนิสาก็ตัดสินใจใช้นามสกุล ลี ตามพ่อบุญธรรม

พ.ศ.2522 จอห์น ลี หนีจากลาวมาไทย…แล้วอพยพไปอยู่สหรัฐตอนอายุ 7 ขวบ

พ.ศ.2530 ยีฟ แม่ของสุนิสา ก็หนีจากลาวมาไทยแล้ว อพยพไปสหรัฐตอนอายุ 12 ปี

ปัจจุบัน ยีฟ เเม่ของสุนิสา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านการเเพทย์ ส่วนจอห์น ลี พ่อของสุนิสา ทำงานด้านวิศวกรรมที่บริษัท Cummins Power Generation

จอห์น …พ่อของเธอสอนให้เริ่มเล่นยิมนาสติก เมื่อสุนิสาอายุได้ 7 ขวบ จอห์นเปลี่ยนที่นอนเก่าๆ ให้กลายเป็นคานทรงตัว ที่สวนหลังบ้าน สุนิสามีพรสวรรค์และชื่นชอบยิมนาสติก

พ.ศ.2552 เธอก็เริ่มเริ่มเรียนยิมนามสติก เธอหลงใหลยิมนาสติก …ครองแชมป์ในหลายโอกาส…

29 กรกฎาคม 2564 สุนิสานำทีมชาติสหรัฐ คว้า 1 เหรียญทองประเภทรวมอุปกรณ์ และอีก 1 เหรียญเงินประเภททีม ทำให้อเมริกาครองเจ้าเหรียญทอง โดยเฉือนจีนเพียงแค่ 1 เหรียญทองเท่านั้น

ชาวม้งในอเมริการาว 4 แสนคน พลอยปลื้ม ได้หน้า ได้ตา ได้รับอานิสงส์จากเด็กหญิงคนนี้แบบเต็มๆ เธอได้สร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ให้กับชาวม้ง ที่มีรากเหง้ามาจากผู้อพยพ

หลังจากนี้…เธอจะไปเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยออเบิร์น (Auburn U.) ในรัฐแอละแบมา (Alabama State)

อาจารย์มหาวิทยาลัยชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ทำงานกับชาวม้งมานาน …เอ่ยปากชมม้งอเมริกันว่า

“…ม้งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จากเอเชียที่จำต้องดิ้นรนต่อสู้กับความยากจนที่สุดในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์จากเอเชียทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา แต่มีความสามัคคีสูง มีส่วนร่วมในทางการเมืองสูงและดิ้นรนเพื่อการศึกษาสูง …”

สุนิสา ลี เธอเป็นตัวแทนของความฝันที่ชาวม้ง ที่มาอยู่ในอเมริกา…เป็นตัวแทนชาวม้งในอเมริกาที่สง่างาม ยิ่งใหญ่

เธอเป็นลูกหลาน 1 คน ของผู้อพยพจากสงครามในลาว…ที่ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image