‘สมมุติ’ โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร

สองปีที่แล้วมีโอกาสไปเยี่ยม “คุณหมอ” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เป็นนายแพทย์หนุ่ม อายุประมาณ 30 ปีเศษ ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ด้วยด้วยใจรักในชีวิตแบบชนบท จึงได้สมัครและตั้งใจมาช่วยเหลือชาวบ้าน ด้วยเคยเห็นภาพในอดีตที่มีคนไข้แออัดมากตามโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร เรียนจบปีการศึกษาสุดท้ายของโรงเรียนแพทย์ มารับใช้ประเทศชาติด้วยความจริงใจและตั้งใจ แม้ชีวิตที่บ้านมีจะกินทั้งชีวิต

ผู้เขียนได้ฟังก็สนใจ จึงได้พูดคุยอย่างจริงจังเพื่อทำความเข้าใจในแนวคิด จึงกลั่นกรองมาแลกเปลี่ยนกับทุกท่าน

“เราไม่ได้เป็นผู้อำนวยการตลอดหรอก เป็นแค่สมมุติ ที่ได้ทำหน้าที่อยู่ขณะหนึ่ง เป็น ผอ.ก็ตอนลงนามในหนังสือที่โต๊ะทำงาน” แค่บทเริ่มของการสนทนาก็น่าสนใจแล้ว

– ตอนไปตรวจคนไข้เราก็เป็น “หมอ”

Advertisement

– พอเดินออกนอกรั้วโรงพยาบาลถูกรถยนต์ชนเราก็จะเป็น “คนไข้”

– พอเดินตรวจคนไข้ เราจะมีหมอรุ่นน้องมาฝึกงานด้วย การสอนหมอรุ่นน้องข้างเตียงคนไข้เราก็จะเป็น “ครู” สอนน้องๆ

– ถ้าครูประจำชั้นประถมที่เคยสอนเรามาตรวจที่โรงพยาบาลที่ OPD เราก็เป็น “ลูกศิษย์”

Advertisement

– กลับไปบ้านเจอ “ภรรยา” เราก็เป็น “สามี”

– ไปเจอลูกเราก็กลายเป็น “พ่อ”

– ไปเจอหลานเราก็กลายเป็น “ตา” เสียแล้ว

โดยสรุปคือ เราเป็นอะไรก็ได้ “สมมุติ” ขณะที่ทำหน้าที่หนึ่งๆ เท่านั้น

แต่ว่าโดยมากทั่วไปแล้ว “มนุษย์” ก็ไปหลงตัวเองว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่แล้วยึดติดกันเอง ทะเลาะกันเอง ยกตนข่มท่าน ด่ากราดไม่เห็นหน้าอินทร์หน้าพรหม เบียดบังกันเอง บางครั้งถึงฆ่ากันเองก็มีถมไป

ถ้าเราถอด “สมมุติ” ออก ถอดความเป็นตัวตนเองชีวิตเราก็จะเบาสบายตัวสบายใจ

อีกนัยหนึ่งมีความหมายของการเกิดมาชีวิตหนึ่งๆ อุปมาอุปไมยว่า “ชีวิตคนเราก็คือนักท่องเที่ยว” อยากเที่ยวให้สนุก อย่าแบกของหนักอย่างเอาเป็นเอาตายกับสิ่งที่เจอสิ่งที่พบว่าคนคนนั้นจะดีสุด เลวสุด น่ารักสุด คือ “หลงรูป
หลงนาม”

บางครั้งเราท่องเที่ยวไปได้ห้องพักดีก็หาความสุขกับมันเสีย บางครั้งได้ห้องพักไม่ดีก็ให้เข้าใจว่าพรุ่งนี้เราก็ไปแล้ว กับ “ผู้คน” ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา “ทำดีต่อกันไว้มากๆ” เขาจะไม่ดีอย่างไร ถือว่าโชคดีที่ได้เจอพบกัน หน้าที่เรา มีหน้าที่ “ทำดี” ต่อกันไว้มากๆ เพราะมันจะเป็นความทรงจำที่ดีในวันที่เราจาก “ลา” กันไป

มองฟ้าบ้าง เอาเท้าไปแช่ลำธารบ้าง อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับความไม่สะดวก ความไม่พอใจ ความดีใจสุดสุด ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างเดินทาง ถนนทุกสายมีดอกไม้บาน จงมองให้เห็น ถ่ายรูปเล่นได้ แต่เก็บไว้ในความทรงจำดีกว่า เสียงนกเสียงการ้องตั้งใจฟังเสียงบ้าง ไพเราะหูดี แยกให้ได้จำให้ได้เสียงดีรื่นหู สบายใจจะได้บันทึกในสมองความจำที่ควรจำ

เห็นของขายริมทาง พอใจได้ซื้อถูกแพงอีกเรื่อง แต่อย่าซื้อให้มากจนเป็นไอ้บ้าเฝ้าสมบัติจนรกบ้าน ชีวิตคนเราคือ “นักท่องเที่ยว” ทุกที่คือ “ทางผ่าน” ต้นไม้สวยก็จริง แต่เราเอาไปไม่ได้ พบพานจนผูกพันถึงวันก็ต้องจากลา ยามเช้าชมตะวันขึ้นริมทะเล ยามเย็นชมตะวันตกที่ยอดเขา ทุกสิ่งคือเรื่องชั่วคราวเท่านั้น และเราเป็นแค่นักท่องเที่ยว มาแล้วถึงเวลาก็จากไปเช่นกัน

นอกจากนี้ “คุณหมอ” ท่านนี้ยังได้เล่าถึงเพื่อนแพทย์ที่จบมาต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ก็ได้ “สาธยาย” ว่าเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันในโรงเรียนแพทย์เป็น “กัลยาณมิตรที่ดี” หลายรูปแบบ ท่านเริ่มด้วยว่า…

• เพื่อนๆ คำว่าแม้เป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “ย่อมเข้าใจในตัวตนของผู้เป็นเพื่อน” จุดอ่อนจุดแข็ง ธรรมชาติตัวตนของเขา เราต่างเป็นคนธรรมดา หาใช่เทวดามาจากไหน เว้นที่ว่างให้เพื่อนของเรา เพราะเพื่อนของเราคือมนุษย์คนหนึ่ง ผิดบ้างพลาดบ้างเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

• แม้เป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “ควรให้กำลังใจกันและกัน” พูดในสิ่งที่เพื่อนมีกำลังใจที่จะไปต่อ มิใช่พูดแล้วเพื่อนทุกข์ท้อหมดเรี่ยวแรง ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้ไม่มีเรื่อง ความฝันใหญ่ๆ “ให้กำลังใจ” ว่าใจเพื่อนเราใหญ่กว่า ความฝันใหญ่ อย่าดับความฝันเพื่อน เมื่อเพื่อนพูดกับเราแล้ว เขาสมควรได้รับกำลังใจกลับไป

• แม้เป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “ขอให้แนะนำเพื่อน” แต่อย่าออกคำสั่ง คำแนะนำก็คือคำแนะนำ ไม่จำเป็นต้องทำ หรือจะทำก็ได้ ส่วนคำสั่งนั้น แม้เขาไม่ทำ ย่อมนำความโกรธ ความร้อนใจมาสู่ใจ
แนะนำเพื่อนแล้ว จงปล่อยเขาให้เป็นตัวของเขาเอง เราเพียงอยู่เคียงข้าง ให้เขารู้ว่า “โลกของเรายังต้อนรับเขาเสมอ”

• แม้ความเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว ความเป็นเพื่อน คือสายลมพัดผ่าน คือการเปิดพื้นที่ให้อิสระ ไม่ตัดสินไม่บงการ ไม่ชี้ถูกชี้ผิด คือความเท่าทัน ทัดเทียม ไม่มีฐานะ ไม่มีเพศ ไม่มีวัย ไม่มีคำนำหน้า ไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์ เราเพียงรู้ว่า คนคนนี้คือเพื่อนของเรา เพื่อนของเราอาจเป็นผู้รู้ แต่เขาก็เป็นเพียงเพื่อนของเรา เพื่อนของเราอาจเป็นคนไม่เอาไหนในสายตาคนอื่น แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนของเราอยู่ เป็นเพื่อนของเราที่เราพูดคุย หยอกล้อได้ความสบายใจ ความเป็นเพื่อนคือความผ่อนคลาย เอนกายสบายใจ

• แม้เป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “มิจำเป็นต้องเห็นเหมือนกันทุกอย่าง” ผลัดกันพูด ผลัดกันฟัง เป็นการถ่ายเทความรู้อย่างหนึ่ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไป เพื่อนรู้อะไรมาก็บอก เรารู้อะไรดีๆ ก็บอกเพื่อน เราต่างชื่นชมดอกไม้ทั้งโลก เพื่อนคือผู้นำดอกไม้ทั้งโลกมาฝากเรา

• แม้เป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “จุดความสว่างให้ตนเองก่อน แล้วเดินไปใกล้ๆ เพื่อน เขาจะได้รับแรงไฟนั้น เพียงเดินเข้าไป แต่อย่าไปจุดแสงสว่างให้เขา ให้เขาเป็นผู้จุดแสงนั้นเอง” หากเขาไม่จุด เราจงอยู่ใกล้ๆ เพื่อนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเดินสู่ทางมืด หากเขาจุดแสงสว่างของเราและเขาจะทำให้เราและเขาผู้เป็นเพื่อนกัน มีชีวิตที่สว่างไสวมากยิ่งขึ้น

• แม้จะเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “สิ่งใดที่เขาเคารพนั้นคือสิ่งที่เราสมควรให้เกียรติ สิ่งที่เขารักนั้นคือสิ่งที่เราสมควรดูแล สิ่งใดที่เขาปรารถนานั้นคือสิ่งที่เราสมควรบอกเล่าส่งข่าว จงเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดีงามให้เพื่อนของเรา จงเป็นสายลมเย็นๆ แสงดาว และต้นหญ้าน่ารัก ไม่ต้องเป็นสิ่งใหญ่โต แต่จงเป็นสิ่งเล็กๆ เพราะสิ่งเล็กๆ อยู่ได้นานกว่า เราอาจเป็นเพื่อนกับใครคนหนึ่งได้จนวันตาย”

• แม้เราเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว “ชีวิตหนึ่งเกิดมาคนเดียวและตายไปคนเดียว แต่ก่อนตาย เราสมควรได้รับเกียรติให้เป็นเพื่อนแท้ของคนบางคน เรามิได้มีเพื่อนเพื่อความสุข แต่เรามีเพื่อน เพราะเรามีความต้องการให้ใครบางคนมีความสุข ความสุขของเขาคือความสุขของเรา และทุกข์ของเขาจะมีเราเป็นผู้แบ่งปันเคียงข้าง…ความเป็นเพื่อนคือสิ่งยิ่งใหญ่ไร้ตัวตน เราไม่เคยยกย่องเพื่อน เพราะเพื่อนไม่ใช่บิดามารดา ทว่าเพื่อนก็ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ เราวิ่งไปด้วยกัน เตะลูกบอล และเล่นตุ๊กตาไปด้วยกัน แบ่งปันกันไประหว่างเพื่อนกัน เพราะเราคือ “เพื่อนกัน”

• แม้เราเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว เปลือก คือ คนรู้จัก กระพี้ คือ เพื่อนคนรู้ใจ แก่น คือ เพื่อนแท้ หากเป็นได้ทั้งหมด นั่นคือคำว่า “กัลยาณมิตร”

บทสรุป แม้เราเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างแม้ว่าจะเป็นเรื่อง “สมมุติ” โปรดให้เวลาสักนิดนึกถึงเพื่อนของท่าน นึกถึงความทรงจำงดงาม นึกถึงวันดีๆ ส่งข้อความทักทายบ้าง ขอบใจขอบคุณ ดีใจได้พบกันทางสื่อออนไลน์ก็ยังดี นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยินคำว่า “คิดถึงเพื่อน” ไม่ได้รักหรอก ก็ใครจะบอกรักเพื่อน เพื่อนไม่ได้ยิ่งใหญ่และต้องการอะไรขนาดนั้น แค่อยากจะบอกว่า “ว่างๆ ไปดื่มกาแฟ กินข้าว” กันบ้างก็พอแล้ว คำว่า “เพื่อนกัน” ต้องใส่ใจกันและกัน ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ไงเล่าครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image