เข้าสู่เดือนกันยายน ตัวเลขผู้ป่วยใหม่โรคโควิด-19 ลดน้อยลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลง และแม้จำนวนผู้หายป่วยกลับบ้านจะลดลงด้วย แต่ก็ยังมีจำนวนมากกว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ปัญหาด้านสาธารณสุขจะผ่อนคลาย ทั้งปัญหาเตียงล้น ปัญหายาและเวชภัณฑ์ขาดแคลน ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนัก และอื่นๆ จะคลี่คลายลงไป ทำให้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลาวางแผนสยบโรคระบาด และหารือแนวทางขับเคลื่อนประเทศไทยในกระแสโลกต่อไป
เป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเปิดประเทศไทยให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวภายใน 120 วัน โดยมีวิธีสร้างความปลอดโรคด้วยการฉีดวัคซีนให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน โดยในเดือนตุลาคมวางเป้าหมายว่าจะต้องฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยได้ 50 ล้านคน ขณะเดียวกันมีแผนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชนทั่วไปที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้วด้วย เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันโควิด-19
จากเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีประกาศ และได้รับการขานรับจากหน่วยงานต่างๆ โดยไม่ถอดใจยกเลิกเป้าหมาย ทำให้ทุกฝ่ายต้องเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้สามารถฉีดเข็ม 1 ได้ทะลุ 23 ล้านคนแล้ว เหลืออีกประมาณ 27 ล้านคนก็จะได้ครบตามเป้าหมาย ส่วนวัคซีนที่นำเข้ามาในเดือนกันยายน ศบค.มั่นใจว่าจะนำเข้าวัคซีน 15 ล้านโดส ตามด้วยเดือนตุลาคมนำเข้าอีก 17 ล้านโดส หากทำได้ตามเป้าหมาย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนจะมีจำนวนใกล้เคียงกับที่ พล.อ.ประยุทธ์คาดหมาย และหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยจะอยู่ในสถานะปลอดภัยจากการระบาดมากขึ้น
ความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยคือคนในประเทศและคนต่างประเทศเชื่อมั่นว่าประเทศไทยปลอดภัย ความเชื่อมั่นดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ ทำให้คนไทยกล้าเที่ยวภายใน และทำให้คนต่างชาติกล้าบินเข้ามาเที่ยวไทย กิจกรรมกิจการต่างๆ กล้าเปิดดำเนินการลูกค้ากล้าติดต่อทำธุรกิจธุรกรรมด้วย ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์จะคลี่คลายเพราะประเทศชาติไม่ต้องเคอร์ฟิว ไม่ต้องล็อกตัวเองอีกต่อไป ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้รัฐบาลต้องมุ่งมั่นทำให้แผนการฉีดวัคซีนประสบความสำเร็จ ต้องมีงบประมาณเพียงพอในการขับเคลื่อนเมื่อประเทศถึงเวลาพุ่งทะยาน ต้องมีอะไรที่ดีกว่าเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งขัน เพื่อให้ไทยเป็นตัวเลือกทั้งในด้านการลงทุน ด้านการส่งออก ด้านการท่องเที่ยวและอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อแผนเปิดประเทศของรัฐบาลประสบผล โดยเริ่มจากการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยให้ได้ 50 คน ภายในเดือนตุลาคมนี้ให้ได้ก่อน
