ภาพเก่าเล่าตำนาน : ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า…ของทาลิบัน โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เสียใจ เสียดาย ช้ำใจ สุดสุด …เมื่อ “พลั้งเผลอไว้ใจ”

รัฐบาลวอชิงตัน ถูกวิจารณ์หนัก ชาวอเมริกันขมขื่น แค้นเคืองที่ทราบว่า สหรัฐ “ประเคน” อาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่านับแสนล้านบาท ให้กองทัพรัฐบาลอัฟกานิสถาน ….ให้เอาไว้สู้กับ กองโจรทาลิบัน..ก่อนสหรัฐจะถอนตัว…หากแต่ทหารอัฟกัน ไม่สู้ ไม่รบ หนีทัพ

กองทัพทาลิบัน…เลย “เอาไปครอบครอง” แบบหล่อสุดสุด

ผู้เขียนมีความเห็น “เป็นส่วนตัว” ..ขอชวนพูดคุย วิธีคิด หลักการ ของมหาอำนาจสหรัฐกรณี “ร่องรอยอันปวดร้าว” ของสงครามในอัฟกานิสถานที่เป็นอดีตกาลไปแล้ว…

Advertisement

มหาอำนาจสหรัฐ..เผชิญกับความท้าทาย ผ่านร้อนจัด ผ่านหนาวจัด มาตลอด

พ.ศ.2326 ประชาชนใน 13 รัฐที่ตั้งขึ้น จัดตั้งกองทัพ รบชนะอังกฤษ เพื่อแยกตัวออกมาเริ่มสถาปนาประเทศ

คนอเมริกัน เคยแบ่งข้างรบกันเองระหว่างฝ่ายเหนือ-ฝ่ายใต้ ตายเป็นแสน (ตรงกับช่วงรัชสมัยในหลวง ร.4) เคยทำสงครามยึดดินแดนเท็กซัสเอามารวมเป็นประเทศ ซื้อลุยเซียนาจากฝรั่งเศส ซื้อแผ่นดินอลาสก้า จากรัสเซีย

Advertisement

ไปยึดหมู่เกาะฮาวาย มาเป็นรัฐ 1 ใน 50 รัฐของสหรัฐอเมริกา

ไปทำสงครามใกล้ ไกล ใช้เงิน เปลืองชีวิตเด็กหนุ่มสาวไปมหาศาล

อเมริกา…เป็นชาติแรกที่ส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์

ประเทศที่ตั้งมาเพียง 200 ปีเศษ รุ่งเรือง เฟื่องฟู เคยฟุบประชาชนอดอยาก โชกโชน มีดี มีร้าย สารพัด

อเมริกา คือ ดินแดนของผู้อพยพจากทั่วโลก เป็นผู้นำหมายเลข 1 ของโลก เสมอมา

เป็นประเทศที่มีคนเอา “ปืนกล” มากราดยิงผู้คนบนถนน ในโรงเรียน บาดเจ็บล้มตาย เป็นอันดับต้นของโลก…

มีประชากรหลากหลายเผ่าพันธุ์ ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวดำ

ครู อาจารย์ ทั้งหลายในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ล้วนมีดีกรี มีปริญญา ของมหาวิทยาลัยจากอเมริกาเกือบทั้งนั้น

เมื่อเป็นมหาอำนาจของโลก จะพูดจา ท่าที กำหนดแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง การต่างประเทศแบบไหน..

คนทั่วโลกต่างคาดหวัง “จะได้ประโยชน์” ดำเนินการให้สอดคล้องตามแนวทางของพี่เบิ้ม.. เมื่อเปลี่ยนประธานาธิบดี คนทั้งโลกก็คอยเฝ้ามอง…ว่าผู้นำของโลกจะกล่าวอะไร

ที่สมหวังก็ชมเชย หรือ “แกล้งเฉย”

ที่ไม่สมหวังก็ต้องด่า..อเมริกาพลาดก็รีบ “สมน้ำหน้า”

ผู้เขียนขอตีกรอบ…กล่าวถึง อเมริกากับสภาวะสงคราม

การถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน…มีคนทั้งชม ทั้งด่าไม่เลี้ยง

อาวุธ ยานพาหนะ เครื่องบิน เครื่องจักรทำสงครามมหาศาล แบบไฮเทกสุดสุด ไปอยู่ในอ้อมกอดของทาลิบัน…โดนตำหนิอย่างหนักจากประชาชน นักการเมืองและทหารผ่านศึก

เปรียบประดุจ…ยื่น “นิ้วกายสิทธิ์” ให้ศัตรู หมู่มาร

พลตรีคริสโตเฟอร์ โดนาฮิว (MG Christopher Donahue) ผู้บัญชาการกองพลส่งทางอากาศที่ 82 ของสหรัฐ คือ นายทหารคนสุดท้ายที่ “ยกเท้าออก” พ้นแผ่นดินอัฟกานิสถาน ก้าวขึ้นเครื่องบิน เมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564

เป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง สหรัฐ-ทาลิบัน

สหรัฐ-ทาลิบัน มิได้ลาจากกันแบบ ศัตรู-คู่แค้น

สหรัฐกับทาลิบัน เคยนัดไปเจรจาพูดคุยกัน เพื่อจะถอนทหารตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ประเทศกาตาร์ ในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์

ก้าวล่วง ผ่านมาถึง ปธน.โจ ไบเดน สหรัฐ… ก็ทำตามสัญญา

สหรัฐกับทาลิบัน มีช่องทางพูดคุยกัน หารือ ต่อรอง แบบ “หมูไป-ไก่มา” ตลอดเวลา มิได้ “ตัดขาด” กันแบบเด็ดขาด

ในทุกสงคราม.. มีการแอบพูดคุย ต่อรองกันเสมอ ฝ่ายใดมีศักยภาพเหนือกว่า กล้ามใหญ่กว่า จะเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ…เป็นผู้กำหนดกติกา

แสวงจุดร่วม..สงวนจุดต่าง…ประโยชน์ร่วมกันอยู่ตรงไหน

(สงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ที่คนไทยจับอาวุธรบกันเองตั้งแต่ พ.ศ.2508-2525 เลือดนองแผ่นดิน ก็มีนายทหารที่มีวิสัยทัศน์ ส่งคนไปคุยในทางลับกับกองกำลังติดอาวุธของ พคท. ในป่าเขาเพื่อขอให้ “คืนสู่สังคม” วางอาวุธ เลิกรบ

สงครามในประเทศ เหนือจรดใต้ ทหารตำรวจเสียชีวิตปีละหลายร้อยนาย ..ยุติลงได้เพราะแสวงหา-ไม่ปิดตาย ช่องเจรจาพูดคุย

นักศึกษาที่เคยเข้าป่า จับอาวุธหลายคน กลับออกมาเฉิดฉาย ใหญ่โต ร่ำรวย มีกินมีใช้ ในประเทศไทยก็มีให้เห็นมหาศาล)

ลองย้อนกลับไปดู “วิธีคิด-รูปแบบ” การทำงานของรัฐบาลสหรัฐในอดีต พอเป็น “ตัวอย่าง” นะครับ…

รัฐบาลสหรัฐ มีลีลาที่น่าสนใจ

ย้อนเวลาไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

1 กันยายน 2482 เผด็จการฮิตเลอร์ สั่งกองทัพนาซีบุกเข้าโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ กวาดล้าง บดขยี้ ทุกกองทัพในยุโรป

บ้านเมืองในยุโรปพังเละเทะ เกะกะ ไปด้วยซากปรักหักพังประชาชนตายเป็นล้าน ด้วยกำปั้นเหล็กกองทัพนาซี

เกาะอังกฤษ..เหมือนคนไข้ในห้องไอซียู

อเมริกา…ที่ห่างไปครึ่งโลก กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ย่ำแย่…สภาคองเกรสรีบผ่านกฎหมายให้สหรัฐ “วางตัวเป็นกลาง” เพื่อจะกันตัวเองมิให้ไปเกี่ยวข้องกับสงครามในยุโรป

ชาวอเมริกันเดินขบวน ไม่ให้รัฐบาลอเมริกาส่งลูกหลานของเค้าไปตายในยุโรป

อเมริกา…ถูกรบเร้าหนัก ยุโรปสู้เยอรมันไม่ไหวแล้ว (เว้ย)

อเมริกา…แอบส่งอาวุธไปให้อังกฤษ ฝรั่งเศส รบกับเยอรมัน

รัฐบาลลุงแซม เก้ๆ กังๆ ..ทำไงดีวะ ถ้ายุโรปตกอยู่ใต้ท็อปบู๊ตนาซี

เมื่อมีสิ่งนั้น..จึงมีสิ่งนี้….

เช้า 7 ธันวาคม 2484 อากาศสดใส ท้องฟ้าสีครามในรัฐฮาวาย

“ฝูงบินมฤตยู” ของกองทัพญี่ปุ่น แห่กันจิกหัวลงมาจากท้องฟ้า ทำหน้าที่ “มัจจุราช” ดิ่งลงมายิง ทิ้งระเบิด ถล่มกองทัพเรือรบของสหรัฐที่จอดรายเรียงพินาศ ไฟลุกท่วม ..ขณะลูกเรือพักผ่อน นอนหลับ

กองเรือสหรัฐเสียหาย ตายนับไม่ถ้วน

วันรุ่งขึ้น สภาคองเกรสลงมติประกาศสงครามกับญี่ปุ่น

เยอรมัน อิตาลี ที่ลงนามเป็นพันธมิตรร่วมรบกับญี่ปุ่น (มาก่อนแล้ว) ..ประกาศสงครามกับอเมริกา

นี่คือ การท้ารบ ที่อเมริกาปะแป้ง แต่งตัวคอยมานาน

อเมริกา…หายลังเล..เคลื่อนทหารนับแสนไปรบยุโรปทันที

นายพลไอเซนฮาวร์…ของอเมริกาไปเป็นแม่ทัพใหญ่ในยุโรป วางแผนยกพลขึ้นบกนับแสนนาย ที่หาดนอร์มังดี ในประเทศฝรั่งเศส บดขยี้นาซีเยอรมันแตกกระเจิง…

เยอรมันที่กำลังจะเป็นมหาอำนาจของโลก…ต้องแพ้สงคราม

ประเทศพันธมิตรในยุโรปที่ถูกนาซีบดขยี้ โดยเฉพาะโซเวียต…ขอชำระแค้นเยอรมัน ตัดแบ่งแผ่นดินแบ่งเยอรมันออกเป็น เยอรมันตะวันตก (สหรัฐปกครอง แบบเสรีนิยม) และเยอรมันตะวันออก (โซเวียตปกครองแบบคอมมิวนิสต์)

กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมันถูกสร้างกำแพงแบ่งเป็นตะวันตก-ตะวันออก

อเมริกา…ปกครองเยอรมันตะวันตกในอเมริกันสไตล์ สบายๆ

วันเวลาผันผ่าน….ชาวเยอรมันตะวันออกภายใต้ท็อปบู๊ตโซเวียต อดอยาก ยากแค้น แอบปีน ลักลอบข้ามกำแพงจากตะวันออกมาตะวันตก ถูกทหารโซเวียตยิงทิ้งตายคากำแพงนับไม่ถ้วน

เยอรมัน คือ เยอรมัน….คนมีคุณภาพ

เยอรมันตะวันตกภายใต้การปกครองของอเมริกา ใช้เวลาไม่นานนัก ฟื้นคืนชีพ กลับมาผงาด กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม ผลิตคิดค้นเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอีกครั้ง

เยอรมันตะวันออก ไม่มีการพัฒนา อยู่ภายใต้ “ความแค้นฝังหุ่น” ของกองทัพโซเวียต ประชาชนแสนลำเค็ญ

สหรัฐ…เห็นปัญหาปากท้อง ความทรุดโทรมในยุโรปแสนสาหัส ถ้ายุโรปหิวโหย อเมริกาก็จะเดือดร้อน กระทบอเมริกาแน่นอน …จะค้าขายกับใคร

มกราคม พ.ศ.2490 ประธานาธิบดีสหรัฐ แฮร์รี ทรูแมน ได้แต่งตั้งจอร์จ มาร์แชล เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ทำแผนบูรณาการสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปตะวันตก มีคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนของ 16 เพื่อกอบกู้ฟื้นฟูยุโรป

3 เมษายน พ.ศ.2491 ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐ อนุมัติความช่วยเหลือแก่เกือบทุกประเทศในยุโรป

จัดตั้งสำนักบริหารความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECA) แจกจ่ายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมูลค่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 4 ปี …สหรัฐช่วยฟื้นฟูยุโรป

แผนมาร์แชล (Marshal Plan) ประสบความสำเร็จอย่างมาก ประเทศในยุโรปตะวันตกที่เกี่ยวข้องประสบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเพิ่มขึ้น 15 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ แผนดังกล่าวมีส่วนอย่างมากในการฟื้นอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเคมี วิศวกรรม และเหล็กกล้าของยุโรปตะวันตก

ฝรั่งเศส เมืองแห่งความศิวิไลซ์ มหานครที่งามเกินบรรยาย ถูกกองทัพนาซีล้างแค้น บดขยี้มากเป็นพิเศษ.. ทหารสหรัฐเข้าไปกอบกู้

ยุโรปฟื้น ลืมตาอ้าปากได้ …

(เรื่องตลกร้ายขอนำมาแทรก…เพื่อนทหารอเมริกันเล่าให้ผู้เขียนฟัง คือ ระหว่างสงครามในยุโรป ทหารสหรัฐจับเชลยศึกเยอรมันจากยุโรป ขนใส่เรือมาคุมขังในอเมริการาว 4 แสนนาย อเมริกาสร้างค่าย 500 แห่ง กระจายไปทางตะวันตกของประเทศ เชลยศึกได้กินอิ่ม นอนอุ่น อาหารอย่างดี ได้ดูภาพยนตร์ อาบน้ำอุ่น เสื้อผ้าสะอาด อ้วนท้วนสมบูรณ์ ได้ออกกำลัง เล่นกีฬา ตื่นเต้นกับชีวิตที่แสนดี ต่อมาได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกค่าย ไปทำงานเก็บพืช ผัก ผลไม้ กลายเป็นเพื่อนกับเกษตรกรอเมริกัน บ้างก็พบรักกับสาว แทบไม่มีใครหนีจากที่ควบคุม

สงครามจบ เยอรมันแพ้..ต้องส่งเชลยศึกเยอรมันกลับ..นักโทษเยอรมันขอแหกคุกหนีออกจากค่ายฯ ไม่ขอกลับเยอรมัน ปลอมตัว ใช้ชีวิตในชนบทอเมริกาจำนวนมาก คนอเมริกันก็ไม่รังเกียจอะไร)

16 ประเทศ รวมทั้งเยอรมนี ที่เป็น “ศัตรู-คู่สงคราม” กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ผู้ได้รับความช่วยเหลือ” อเมริกาขนส่งอาหาร เชื้อเพลิง และเครื่องจักร และส่งผลให้มีการลงทุนด้านกำลังการผลิตในยุโรปในภายหลัง การระดมทุนแผนมาร์แชลสิ้นสุดในปี 2494

จากปี พ.ศ.2491 ถึง พ.ศ.2495 เศรษฐกิจยุโรปขยายตัวในอัตราที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสัมพันธ์ทางการค้านำไปสู่การก่อตั้งพันธมิตรแอตแลนติกเหนือ (NATO) ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจที่นำโดยอุตสาหกรรม พัฒนาต่อมาเป็น “สหภาพยุโรป”

ผ่านมาราว 70 ปี ….แทบไม่มีประเทศไหนในยุโรปพูดถึง แผนการมาร์แชล แถมบางประเทศยังตั้งตัวเป็นคู่ขับเคี่ยว ขัดขวาง ลอบกัด สหรัฐในทุกโอกาส

สหรัฐมอบอาวุธ ให้กับประเทศต่างๆ เยอะครับ… ในสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม ในฟิลิปปินส์

ในช่วง พ.ศ.2490 เป็นต้นมา 3 เหล่าทัพของไทย ตำรวจ กระทรวงทบวงกรมทั้งหลาย ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐมหาศาล

โครงข่ายถนนชั้นดี ท่าเรือ สนามบินขนาดมหึมา 7 แห่ง คือ ผลงานที่สหรัฐมาสร้างในไทย ด้วยหลักการ “ผลประโยชน์ร่วมกัน”

มีคำกล่าว… “ใช่ว่าการคิดดี ทำดีกับผู้อื่น จะต้องได้รับผลดี ตอบแทนกลับมาเสมอไป”

บางครั้ง…กลับกลายเป็น “ความโง่บัดซบ”

หลายโอกาส…สหรัฐอเมริกา…ทำคุณกับใคร…ไม่ขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image