เป็นอีกปีหนึ่ง ที่มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงานรำลึกครบรอบ 48 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 อย่างคึกคัก งานในปีนี้จัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กรุงเทพฯ มีกิจกรรมต่างๆ คล้ายๆ กับที่ผ่านมา การเข้าร่วมของเยาวชน นักศึกษา ประชาชน เป็นผลจากความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ ที่ได้สัมผัสการเมืองของประเทศ ที่อยู่ในภาวะไม่ปกติเรื่อยมา นับจากรัฐประหารล้มรัฐบาลเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เมื่อ 19 ก.ย. 2549 และมาซ้ำอีกครั้งด้วยรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 และนับจาก 2549 เป็นต้นมาจนปัจจุบัน การเมืองไทยถูกกำหนดกรอบ และควบคุมด้วยรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยบุคคลจากคณะรัฐประหาร แม้เป็นรัฐธรรมนูญที่มีการทำประชามติ แต่ก็เป็นประชามติภายใต้การควบคุม
เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 เป็นการปะทุของพลังคนรุ่นใหม่ นำโดยองค์กรนักศึกษาในสมัยนั้น เป็นปฏิกิริยา ต่อระบบการบริหารประเทศ ที่อยู่ภายใต้รัฐประหารอย่างต่อเนื่องจากหลังปี 2500 โดยมีรัฐบาลทหารอย่างต่อเนื่อง จากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งต่อมาถึงแก่อสัญกรรมในปี 2506 จอมพลถนอม กิตติขจร รับช่วงเป็นนายกฯในรัฐบาลทหารต่อ คั่นด้วยการเปิดให้มีการเลือกตั้งในปี 2512 พรรคที่จัดตั้งโดยคณะทหารได้จัดตั้งรัฐบาล สนับสนุนจอมพลถนอม เป็นนายกฯอีก แต่ก็ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลตัวเอง ในปี2514 กลับมาเป็นรัฐบาลจากรัฐประหารอีกสภาพบ้านเมืองที่ไร้สิทธิเสรี การทุจริตคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจเพื่อพวกพ้องตนเอง เป็นเงื่อนไขให้เกิดการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ฝ่ายทหารเข้าจับกุม ประชาชนฮือกันออกมาต่อต้านเต็มถนนราชดำเนิน ลุกลามเป็นการนองเลือดครั้งประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน
48 ปีผ่านไป ผู้ที่เคยร่วม 14 ตุลาฯ ที่ยังยืนหยัดรักษาอุดมการณ์ยังมีมาก แต่ที่เปลี่ยนจุดยืนไปก็ไม่น้อย แต่คนรุ่นใหม่เข้าใจดีว่า อุดมคติของ 14 ตุลาฯ คือ ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชน การเข้าร่วมของคนรุ่นใหม่ ยืนยันว่าอุดมคติอุดมการณ์ของ 14 ตุลาฯ ยังมีชีวิตและมีการสืบสานไม่สูญเปล่าการรวมตัวเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เรียกร้องประชาธิปไตยในขณะนี้ ก็เป็นเจตนารมณ์และจุดยืนที่ไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่เมื่อ 48 ปีก่อน ขณะที่กลุ่มอำนาจก็ยังมีความคิดที่ไม่ต่างจากเมื่อ 48 ปีก่อนเท่าไหร่นัก ขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว
