พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกลุ่มเยาวชน ประชาชน ออกมาชูป้ายประท้วงรัฐบาลในเรื่องต่างๆ บางครั้งถึงกับมีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้นำรัฐบาลน่าจะเปิดใจกว้าง รับฟังความคิด ความเห็นที่แตกต่างจากผู้สนับสนุนรัฐบาล หรือจากประชาชนที่อาจมีปัญหาเดือดร้อน ต้องการร้องเรียนโดยตรงถึงผู้นำรัฐบาลและบุคคลในคณะรัฐบาล
มีความเห็นที่น่าสนใจจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร พูดเสมอว่าหากเข้าสู่การเมือง ต้องยอมรับความเห็นต่าง และนำมาแก้ไข อย่างกรณีที่หัวหน้าพรรค พปชร.ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นนั้น พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะหากคิดว่าประชาชนส่วนหนึ่งต้องการอย่างนั้น เราก็ต้องนำมาศึกษา และท่านได้สั่งการให้ไปศึกษาว่าเรื่องอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เราอย่าไปมองว่าคนที่เห็นต่างเป็นศัตรู เมื่อถามว่าต้องให้เป็นไปตามธรรมชาติใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ถูกต้อง ต้องนำความคิดเห็นของผู้เห็นต่างมาศึกษาและแก้ไข เลขาธิการพรรค พปชร.ยังตอบคำถามของผู้สื่อข่าวถึงการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ของนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่พยายามกีดกันประชาชนที่ต้องการเข้าถึงนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่เห็น แต่ถ้าไปกับ พล.อ.ประวิตร ตนจะพูดเสมอว่า อย่ากันเขา ให้เขาได้แสดงออก ถ้ายิ่งกันเหมือนยิ่งไปห้าม
การลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนของผู้นำรัฐบาลจึงควรรับฟังความเห็นของ ร.อ.ธรรมนัสประกอบด้วย หากมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือประชาชนก็ควรใช้โอกาสสัมผัสและรับฟังทุกฝ่าย เพื่อนำเอาข้อมูล ความคิดเห็น ความรู้สึกของประชาชน มาปรับปรุงการทำงาน หากรัฐบาลสนใจฟังเฉพาะผู้สนับสนุน แต่ใช้เจ้าหน้าที่ ใช้กฎหมายสกัด ตั้งข้อหาประชาชนที่เดือดร้อน หรือเห็นต่าง การลงพื้นที่ซึ่งใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนจะสูญเปล่า และยังสร้างวัฒนธรรมปกป้องผู้นำอย่างไม่ถูกต้องด้วย
