ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวมาได้สองสามวันแล้ว ปีนี้อากาศน่าจะหนาวเย็นเยือกกว่าเมื่อสองสามปีก่อน บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งของแต่ละตำบล จากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นอย่างไรบ้าง ตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเล่า
แล้วแต่ว่าตำบลไหนผู้สมัครแข่งขันกันสูง คงแข่งกันหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากกว่าอีกฝ่าย ตำบลไหนผู้สมัครเป็น “ของตาย” คือได้แน่นอน ไม่ต้องหาเสียงก็ได้ การหาเสียงคงเงียบเหงาสักหน่อย
เช่นเดียวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา อบต.ของแต่ละตำบลที่มีจำนวนไม่เท่ากัน ตามแต่จำนวนประชากรของตำบลนั้น
เถอะ ถึงกระนั้น ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน ทุกคนต้องหยุดหาเสียงตามกฎหมาย แปดโมงเช้าวันอาทิตย์ ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งควรรีบออกไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งใกล้บ้านที่มีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เสร็จ แล้วเย็นนั้นมาลุ้นว่า ผู้ที่เรากาบัตรมีคะแนนมากน้อยได้รับเลือกตั้งหรือไม่ โดยเฉพาะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นคนเก่าหรือคนใหม่
องค์การบริหารส่วนตำบลต่างมีงบประมาณของตัวเองแต่ละแห่งไม่เท่ากัน บางแห่งมีงบประมาณใช้จ่ายมากกว่าจังหวัดเสียอีก ดังนั้น ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในแต่ละตำบลต้องเป็นผู้ที่ตรวจสอบการใช้จ่ายให้ดี
ประการสำคัญคือการนำเสนอค่าใช้จ่ายของผู้บริหาร มีนายกองค์การเป็นผู้นำเสนอต่อสมาชิกสภา หากตัวนายกเป็นกลุ่มเดียวกันสมาชิกสภา การพิจารณาผ่านงบประมาณอาจจะง่ายและเร็วกว่าสภาที่ตัวนายกเป็นคนละพวกกับสมาชิกสภา
ดังนั้น ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต้องทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณขององค์การนั้น ด้วยเหตุงบประมาณรายจ่ายเป็นเงินจากภาษีของท่านทั้งหลายทั้งสิ้น
เรื่องของการบริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น แม้นักการเมืองท้องถิ่นเองจำนวนไม่น้อยอาจไม่รู้ระเบียบปฏิบัติหรือไม่รู้วิธีการ ดังนั้นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งควรจะเรียนรู้เรื่องการบริหารส่วนท้องถิ่นให้มาก
หากเป็นไปได้ ควรเข้ารับการศึกษาเรื่องของการปกครองส่วนท้องถิ่นระดับปริญญาตรีจากสถาบัน การศึกษาที่เปิดหลักสูตรให้เข้าเรียน อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือที่ควรเข้ารับการศึกษาทั้งสมัครเข้าเรียนหรือไม่ต้องสมัครเข้าเรียนก็ได้ แต่เรียนด้วยระบบทางไกลของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่เปิดสอนเปิดบรรยายผ่านสื่อทั้งวิทยุและสื่อโทรทัศน์ในแต่ละภาคเรียนของสาขาวิชารัฐศาสตร์
ตรวจสอบได้จากหลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ว่าเปิดการเรียนการสอนสาขาวิชารัฐศาสตร์ “การปกครองส่วนท้องถิ่น” วันเวลาใด แล้วเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์ฟังการบรรยายจากอาจารย์ผู้สอนได้เป็นครั้งคราวหรือทั้งภาคการเรียนก็ได้
รับรองว่าได้รับความรู้แน่โดยไม่ต้องสมัครเรียน
หรือแม้แต่อยากได้ประกาศนียบัตรเป็นรายวิชาเก็บไว้เผื่ออยากสมัครเรียนระดับปริญญาตรีมีสิทธิสมัครเข้าเรียนเข้าสอบเป็นรายวิชา เมื่อครบตามหน่วยกิตของสาขาวิชานั้น วันหนึ่งมีสิทธิได้รับปริญญาตรี เรียนต่อปริญญาโท ถึงปริญญาเอก
มีผู้สนใจเรื่องการบริหารส่วนท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยที่ฟังการบรรยายแล้วสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีไม่ว่าจากระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือได้รับปริญญาตรีจากแขนงอื่น ขยันเรียนกระทั่งได้ปริญญาตรีในวิชาการเมืองการปกครองส่วนท้องถิ่น วันนี้เป็นผู้บริหารส่วนท้องถิ่นจำนวนไม่น้อย
นับวันการมีวิชาความรู้ระดับปริญญาตรี คือพื้นฐานการเป็นนักการเมืองในทุกระดับ โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่น เพราะการมีวิชาความรู้เรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ย่อมทำให้นักการเมืองคนนั้นมีโอกาสไต่เต้าจากนักการเมืองระดับท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติได้ไม่ยาก
ทั้งการเป็นนักบริหารกิจการบ้านเมืองควรมีความรู้ระบอบการเมืองการปกครองเป็นอย่างดี ใช่ไหมจ๊ะ
