เว็บไซต์เรดิโอฟรีเอเชีย เผยกรณีเจ้าหน้าที่ไทย จับกุมและบังคับสึกนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชาที่มาบวชเป็นพระที่ได้สถานะผู้ลี้ภัยแล้ว มีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า ไทยจะส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับกัมพูชา น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย แถลงว่าการเข้าจับกุม อ้างเหตุลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตนได้รับร้องเรียนว่าพระชาวกัมพูชาดังกล่าวเป็นผู้ลี้ภัย และได้รับสิทธิคุ้มครองจากสหประชาชาติ ซึ่ง UNHCR ได้ส่งเอกสารยืนยันสถานะผู้ลี้ภัย และตนได้นำเอกสารดังกล่าวไปแสดงให้กับ ตม.สวนพลู ได้ทราบ
น.ส.ศิริภาชี้ว่า การส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้องพิจารณาอย่างละเอียดอ่อน เพราะจะตกอยู่ในอันตราย ถูกทรมาน หรือบังคับให้สูญหายได้ หลังจากมีการยืนยันสถานะแล้ว ได้รับการประสานจากฮิวแมนไรท์วอทช์ ว่าสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ อาสาออกวีซ่าฉุกเฉินให้กับบุคคลดังกล่าวเพื่อเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การเข้าจับกุมผู้ลี้ภัยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ใน 1 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งผู้ลี้ภัยกลับกัมพูชาถึง 3 คน ทั้งที่เป็นบุคคลได้รับการคุ้มครองจากสหประชาชาติ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงขัดต่อมาตรา 12 ของร่าง พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐต้องแสดงความจริงใจต่ออนุสัญญา ร่างกฎหมาย ประกาศของ ครม.หลายๆ ฉบับที่ผ่านมา โดยไม่อ้างว่า ไม่ทราบว่าเป็นผู้ลี้ภัย หรือเป็นการสุ่มเข้าไปจับกุม
รัฐบาลควรทบทวนการจับกุมและการส่งตัวกลับดังกล่าว เพราะขัดกับหลักมนุษยธรรมอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่า ประเทศไทยควรรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านแต่ควรอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง และไม่ทำให้ชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศเสียหายรัฐบาลนี้ประกาศตัวเป็นรัฐบาลที่มาจากระบบประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ควรปฏิบัติสวนทางกับสิ่งที่ตนเองประกาศไว้ สังคมโลกจะตัดสินความเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยจากบทบาทและการกระทำ ไม่ได้ตัดสินจากถ้อยคำยืนยันที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง
