บทนำ : ศึกใหญ่อีกระลอก
โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยจะต้องรับมือ ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้ว่าไวรัสโควิด-19 โอไมครอนเป็นที่น่ากังวล เนื่องจากการเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ ไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว 63 ราย ต้องปรับมาตรการในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้เข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกา และแอฟริกา เป็นต้น โดยอาจกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการก่อน และตรวจ RT-PCR เป็นระยะ เมื่อพบว่าปลอดเชื้อจึงจะอนุญาตให้เดินทางต่อได้ มาตรการต่างๆ ที่ สธ.กำหนดอาจทำให้บางคนเกิดความไม่สะดวก โดยเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทาง แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ
ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า ถึงวันที่ 19 ธ.ค. โอไมครอนแพร่กระจายไป 89 ประเทศ และอีก 36 รัฐในสหรัฐอเมริกา และขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลประเทศไทย ล่าสุด ระหว่างวันที่ 11-19 ธ.ค. พบว่า เป็นเดลต้า 1,541 ราย เบต้า 1 ราย โอไมครอน
52 ราย รวมของเดิม 9 ราย เป็น 63 ราย สังเกตว่าช่วงหลังโอไมครอนเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว สัดส่วนที่ตรวจพบในไทยเพิ่มขึ้น 3% กว่าจากสัปดาห์ที่แล้วที่ไม่ถึง 1% เป็นการเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ
การค้นพบโอไมครอนในประเทศไทยดังกล่าวจะส่งผลต่อมาตรการที่จะบังคับใช้กับประชาชน และต้องจับตาว่าภาครัฐจะบริหารจัดการสถานการณ์โควิดกลายพันธุ์ระลอกใหม่ล่าสุดนี้อย่างไร ขณะที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนหลังจากที่เกิดสภาพชะงักงันมาร่วม 2 ปีแล้ว เมื่อการเดินทางจากนอกประเทศเข้าสู่ประเทศไทยกลายเป็นปัญหา และรัฐบาลกำลังจะทบทวนมาตรการเข้าประเทศโดยไม่กักตัว หรือ Test and go ย่อมกระทบแผนสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ที่แน่ๆ คือกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ 2565 อันเป็นเทศกาลของการจับจ่ายใช้สอย และมีผลเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะต้องพบกับข้อจำกัด ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง และต้องจับตาว่า ประเทศไทยจะควบคุมโอไมครอนให้อยู่ในวงจำกัดได้แค่ไหน เป็นศึกใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
