| ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
|---|
1เรื่องรักชาติดูเป็นเรื่องใหญ่ในเมืองจีนทั้งๆ ที่ยังไม่ชัดเลยว่า “ชาติ” ที่รักกันนักหนานั้นคืออะไร ตัวอย่างที่เห็นได้ในขณะนี้คือกรณีอื้อฉาวใหญ่โตเรื่องความรักชาติของนางสาวจู อี้ หรือชื่อเดิมว่า เบเวอร์ลี จู อายุ 19 ปี เธอเกิดที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีบิดามารดาชาวจีนที่อพยพอยู่ที่อเมริกาก่อนเธอเกิด โดยบิดาของเธอ นายจู สงชุน เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์มือรางวัล เคยเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นครลอสแองเจลิส ก่อนที่จะย้ายมาทำงานกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งใน พ.ศ.2563
จู อี้ เริ่มแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งลีลามาตั้งแต่ 8 ขวบ จนใน พ.ศ.2561 จู อี้ อายุได้ 16 ปี ได้ตัดสินใจสละสัญชาติอเมริกัน เพื่อที่จะลงแข่งขันในนามทีมชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามบิดามารดาของเธอที่ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองจีน แต่เนื่องจากจู อี้ เกิด เรียน และหัดเล่นสเก็ตน้ำแข็งอยู่ในสหรัฐอเมริกาจนโตจึงพูดภาษาจีนไม่ดีนักแบบว่าตะกุกตะกัก พูดไม่ชัดจึงเป็นจุดอ่อนที่ถูกโจมตีว่าไม่ใช่คนจีนแท้ๆ (ซึ่งเป็นคน
ยังไงก็ไม่รู้เหมือนคนไทยแท้ๆ นะแหละ)
ในการแข่งรอบสุดท้าย ประเภทหญิงเดี่ยว ในศึกโอลิมปิก ฤดูหนาว ที่ปักกิ่งปีนี้ จู อี้ เล่นพลาดตอนกระโดดหมุนตัวและล้มลงถึง 2 ครั้ง ทำให้จู อี้ ถึงกับร้องไห้ทั้งระหว่างการแข่งขันและหลังจบการแข่งขัน โดยจากการพลาดของเธอมีผลทำให้อันดับคะแนนรวมของจีนหล่นจากที่ 3 ไปเป็นที่ 5 ทันที ทำให้จู อี้ โดนโจมตีอย่างหนักจากชาวเน็ตจีนทางโลกออนไลน์จนเกิดแฮชแท็ก #จูอี้ล้มตอนแข่ง ซึ่งมีผู้เข้าชมในหัวข้อนี้
มากกว่า 230 ล้านครั้งในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ความจริงจู อี้ ก็โดนแอนตี้ตั้งแต่การเปลี่ยนสัญชาติจากอเมริกันมาเป็นจีนอยู่แล้ว เนื่องจากแฟนกีฬาสเก็ตลีลาจำนวนมากมองว่า เธอใช้เส้นสายของบิดาของเธอ (ซึ่งไม่มีหลักฐาน) จึงได้ติดทีมชาติเนื่องจากมีนักกีฬาหญิงสเก็ตลีลาจีนเก่งๆ ที่มีแฟนคลับอยู่หลายคน การเล่นพลาดของจู อี้ ครั้งนี้มีชาวเน็ตจีนที่บูลลี่เธอทางแพลตฟอร์มเว่ยปั๋ว ซึ่งเหมือนกับทวิตเตอร์ของจีนอย่างสาดเสียเทเสีย เช่น “เธอเป็นสปายให้อเมริกาชัดๆ เธอไม่ใช่คนจีน”, “จู อี้ เธอทำทุกอย่างพังไปหมด”, “กลับไปแคลิฟอร์เนียเถอะ ไม่เข้าท่าเลย”, “เธอมันก็แค่ลูกคนรวยที่เล่นไอซ์สเก็ตเป็นเท่านั้น” เป็นต้น
แต่ก็มีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่เห็นใจจู อี้ เนื่องจากเห็นว่าจู อี้ ก็มีฝีมือการเล่นสเก็ตลีลา เธอทำเต็มที่แล้วในการแข่งขัน รวมถึงเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเธอที่มีกระแสรายงานจากเพื่อนร่วมทีมว่าอยู่ในขั้นย่ำแย่ และหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการใช้สื่อโซเชียลมีเดียของจีนก็แสดงจุดยืนอยู่ฝั่งจู อี้ เช่นกัน ด้วยการไล่บล็อกและแบนผู้ใช้ที่มีคอมเมนต์ไม่เหมาะสมออกไปจากระบบเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หลังการแข่งขันฟิกเกอร์สเก็ตวันที่สองของจู อี้ ก็เริ่มมีกระแสให้กำลังใจแก่จู อี้ เข้ามาบ้าง ในทำนองนี้
“สำหรับนักสเก็ตอายุยังน้อย ยังมีเวลาและขอให้อดทนเล่นให้ดีขึ้นในอนาคต อย่าร้องไห้นะจู อี้ พวกเราเป็นกำลังใจให้”
ตรงกันข้ามกับนางสาวไอลีน กู หรือกู อ้ายหลิง ผู้เกิดที่นครซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นสาวอเมริกันที่ติดทีมชาติจีนเช่นเดียวกันแต่นักสกีฟรีสไตล์ อายุ 18 ปี บิดาของไอลีนเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ส่วนมารดาเป็นคนจีนที่อพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยร็อคกี้เฟลเลอร์ และจบปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน โดยตั้งชื่อว่า “ไอลีน” แล้วก็แยกทางกันตั้งแต่ไอลีนยังเป็นทารกอยู่ โดยอยู่กับมารดาเป็นผู้เลี้ยงดูมาโดยตลอด ซึ่งแม่ของไอลีนทำงานบริษัทการเงิน แต่มีอาชีพเสริมคือ เป็นครูสอนสกี ดังนั้น เธอจึงสอนลูกสาวให้เล่นสกีตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ
นางสาวไอลีนเกิดและเติบโตในรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอมีชีวิตนอกบ้านเป็นอเมริกันขนานแท้แต่เมื่ออยู่ในบ้าน เธอต้องใช้ภาษาจีนกลางกับทั้งมารดาและคุณยายโดยตลอด ทำให้ไอลีนสามารถพูดคล่องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลางได้อย่างทัดเทียมกัน นอกจากนี้ เธอยังมีหน้าตาสวยงาม หุ่นดี สูงถึง 175 เซนติเมตร และได้รับงานถ่ายโฆษณาแบรนด์ระดับโลกมากมาย เช่น หลุยส์ วิตตอง, เฟนดิ, กุชชี่ ฯลฯ ตลอดจนการเล่นสกีก็ได้พัฒนาฝีมือขึ้นจนอยู่ในระดับที่แข่งขันโอลิมปิกได้อย่างจริงจัง
ตอนแรกไอลีนตั้งใจจะลงเล่นในฐานะตัวแทนทีมชาติสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตาม ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทาบทามให้ลงเล่นสกีในนามทีมชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 โดยไม่ต้องสละสัญชาติอเมริกันแบบนางสาวจู อี้ ซึ่ง
ไอลีนหรือกู อ้ายหลิง เลือกไปทางจีนเพราะนักสกีสตรีดังๆ ที่อเมริกามีเยอะแยะไปหมด ตรงข้ามกับที่จีนตั้งแต่กีฬาสกีฟรีสไตล์ถูกบรรจุในโอลิมปิกฤดูหนาว ใน พ.ศ.2531 มีนักกีฬาจากจีนแค่คนเดียวเท่านั้นที่เคยได้เหรียญทอง นั่นคือนายฮัน เซียวเป็ง ใน พ.ศ.2544 ซึ่งเป็นนักกีฬาชาย แต่ไม่เคยมีนักกีฬาหญิงคนไหนจากจีนที่ไปถึงเหรียญทองในกีฬาสกีฟรีสไตล์มาก่อน
ครับ ! แล้วนางสาวกู อ้ายหลิง ก็ได้เหรียญทองจริงๆ จากโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งปีนี้ คาดว่ารายได้ของเธอในปีนี้คงพุ่งขึ้นระดับ 1 พันล้านบาท โดยไม่ยากนักเพราะย้อนไปในปีที่แล้ว (พ.ศ.2564) นางสาวกู อ้ายหลิง ทำรายได้จากการโฆษณาในประเทศจีนไป 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (718 ล้านบาท) ไม่เคยมีนักกีฬาสกีคนไหนที่ทำรายได้มากขนาดนี้ นอกจากนี้ นางสาวกู อ้ายหลิง ยังเป็นไอดอลของคนจีนทั่วประเทศ เป็นคนจีนตัวอย่าง ทั้งๆ ที่ปกติแล้วจีนจะไม่ให้ถือสองสัญชาติ เคยมีนักข่าวยิงคำถามนี้หลายครั้ง แต่กู อ้ายหลิง เลือกจะที่หลบหลีกไม่ยอมตอบตรงๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนจีนที่ไหนสนใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย
ซึ่งก็เป็นเรื่องรักชาติแบบจีนๆ ที่ไม่ต่างกับการรักชาติแบบไทยๆ เหมือนกันนะครับ
